เมืองหานตัน นอกจากมีเมืองเก่ากว๋างฝู่และแท่นฉงไถแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวระดับชาติที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่ง
ศาลเจ้าวาหวงกง(娲皇宫) เป็นที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนต่างถิ่น ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างอยู่บนภูเขาจงหวงในอำเภอเซ่อ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นที่กราบไหว้บูชา "เทพหนี่ว์วา(女娲)" เริ่มสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 550 จึงมีประวัติยาวนานกว่า 1,400 ปีแล้ว โดยเชื่อว่าเป็นที่ที่เทพธิดานำดินมาปั้นเป็นมนุษย์ขึ้น
มีตำนานเล่าว่า ในยุคดึกดำบรรพ์ มีพระอาทิตย์ พระจันทร์และดวงดาว บนพื้นดินมีภูเขา แม่น้ำ นก ปลาและสัตว์ แต่ไม่มีมนุษย์ เทพหนี่ว์วาจึงปั้นดินสร้างมนุษย์ขึ้นตามรูปร่างของตน เทพหนี่ว์วาดีใจมาก แต่ภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ฟ้าถล่ม แผ่นดินไหว เกิดไฟไหม้ป่า เทพหนี่ว์วาเศร้าใจมาก จึงไปหาหินที่ดีที่สุดจากภูเขาในอำเภอเซ่อ มาซ่อมแซมฟ้าให้สมบูรณ์ เพื่อรำลึกบูชาเทพหนี่ว์อวา คนท้องถิ่นจึงสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้น
ศาลเจ้ามีพื้นที่ประมาณ 760,000 ตารางเมตร สร้างตามหน้าผาสูง สิ่งก่อสร้างทั้งหมด 12 แห่ง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ตัวตำหนักที่ใหญ่ที่สุดสูง 23 เมตร สร้างอยู่บนหน้าผา แขวนไว้ด้วยสายโซ่เหล็ก 9 สาย ถ้ามีนักท่องเที่ยวเข้าชมพร้อมกันจำนวนมาก จะรู้สึกทั้งวิหารแกว่งไกวไปมา น่าหวาดเสียวมาก
แต่ละปี ตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำถึงวันขึ้น 18 ค่ำเดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติจีน จะมีพิธีบูชาเทพหนี่ว์วา ซึ่งเป็น 1 ใน 5 พิธีบวงสรวงสำคัญแต่บรรพบุรุษของจีน
เมืองหานตันมีฉายาว่า เมืองแห่งสุภาษิตของจีน สุภาษิตที่เกี่ยวข้องกับหานตันมีถึง 1,584 สุภาษิต เช่น สุภาษิตเรื่อง "หวงเหลียงเหม่ยเมิ่ง (黄粱美梦 ความฝันหวงเหลียง)"
เล่ากันว่า สมัยโบราณ มีหนุ่มคนหนึ่งชื่อ "หลูเซิง" เดินทางผ่านเมืองหานตัน เมืองหลวงก๊กจ้าวในสมัยจ้านกั๋ว และแวะพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่ง "หลุ่ย ต้งปิน" นักบวชลัทธิเต๋าก็พักอยู่ในที่เดียวกันนี้ด้วย หลูเซิงคุยกับหลุ่ยต้งปินอย่างสนุก แต่บ่นว่าตนเองยากลำบาก หลุ่ยต้งปินก็หยิบหมอนอันหนึ่งออกจากกระเป๋า บอกหลูเซิงว่า "ใช้หมอนนี้หนุนนอน ก็จะร่ำรวยและเจริญรุ่งเรือง ขณะนั้น เจ้าของโรงเตี๊ยมกำลังหุงข้าวฟ่างหวงเหลียงซึ่งเป็นข้าวในท้องถิ่นอยู่ หลูเซิงคิดว่า ข้าวยังไม่สุก ไปนอนสักพักดีกว่า ก็เลยใช้หมอนหนุนนอนและหลับฝันว่า เขาแต่งงานกับหญิงสาวที่ทั้งสวยและรวยในอำเภอชิงเหอ มีหน้ามีตา มีเงินที่ใช้ไม่หมด ปีต่อไป สอบได้ตำแหน่งสูง และมีตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นขุนนางระดับสูงสุด มีลูกชาย 5 คน แต่ละคนแต่งงานกับหญิงสาวของตระกูลดี มีตำแหน่งสูง มีหลานสิบกว่าคน ทุกคนเฉลียวฉลาดและมีฐานะดีด้วย เขาอายุยืนกว่า 80 ปีจึงเสียชีวิต
แต่พอตื่นขึ้นมา พบว่า เป็นเพียงความฝันเท่านั้น ข้าวฟ่างหวงเหลียงก็ยังไม่สุกเลย หลูเซิงคิดว่า ความร่ำรวยความเจริญรุ่งเรืองหลายสิบปีก็เป็นเพียงความฝันสั้นๆ เท่านั้น หลุ่ยต้งปินยิ้มและบอกว่า "ชีวิตของคนก็เป็นอย่างนี้ ต้องใช้ความพยายามของตน ไปสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ใช่บ่นและฝันกลางวัน" หลูเซิงตอบว่า "ความฝันเมื่อกี้นี้เป็นฝันดีและฝันหวาน ไม่ว่าดีหรือไม่ ยากจนหรือร่ำรวย ได้หรือเสีย เป็นหรือตาย ผมได้สัมผัสทุกอย่างแล้ว ทำให้ผมรู้ความหมายของชีวิตแล้ว ขอบคุณอาจารย์" แล้วก็ลุกขึ้น ไหว้ลาหลุ่ยต้งปิน แล้วออกเดินทางต่อไป
ปัจจุบัน ในตำบลหวงเหลียงเมิ่ง เมืองหานตัน มณฑลเหอเป่ยของจีน มีศาลเจ้า "หวงเหลียงเมิ่งหลุ่ยเซียนฉือ"(黄粱梦吕仙祠) ซึ่งในศาลเจ้านี้ มีรูปปั้นของหลุ่ยต้งปินและรูปหินแกะสลักของหลูเซิง พร้อมป้ายหินสลักเรื่อง "ความฝันหวงเหลียง" ตั้งไว้เคียงกันด้วย