กาสะลองส่องจีน ตอน 68: ลิ่วผานสุ่ย The cool city of China
  2016-11-25 15:16:54  cri

สัปดาห์ที่ผ่านมาผมและคณะผู้สื่อข่าวศูนย์อาเซียนได้รับเชิญให้ไปรายงานข่าวฟอรั่มว่าด้วยความร่วมมือด้านศักยพการผลิตจีน-อาเซียนที่หมู่บ้าน "โถ่วเล่อ" หมู่บ้านที่ได้ชื่อว่าเป็นที่อยู่ของต้นแปะก๊วยพันปี เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ได้มีโอกาสสัมผัสความงามของจีนในมุมมองที่ชาวต่างชาติอย่างเรา ๆ ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักหรือพูดถึง

หมู่บ้านโถ่วเล่อตั้งอยู่ในเมืองลิ่วผานสุ่ย มณฑลกุ้ยโจว หากจำกัดภาพให้ใหญ่ที่สุดเมื่อพูดถึงมณฑลกุ้ยโจว คนไทยส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงเมืองเอกอย่างกุ้ยหยาง แม้แต่คนจีนจำนวนไม่น้อยก็ยังติดภาพของมณฑลนี้ว่าเข้าถึงยาก เป็นเมืองที่มีฝน 18 แดด 4 คือโอกาสถูกหวยยังจะมีมากกว่าหากมาแล้วได้เห็นฟ้าเปิด

ก่อนจะไปถึงไฮไลท์ที่หมู่บ้านโถ่วเล่อ ขยับภาพให้แคบอีกนิดพูดถึงเมืองลิ่วผานสุ่ยกันก่อน เมืองนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของมณฑลกุ้ยโจว ได้ชื่อว่าเป็นเมืองอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ นั่งรถไปก็จะเจอกับสิ่งที่ยืนยันคำพูดตั้งตระหง่านพิสูจน์ให้เห็นสองข้างทาง ทั้งกังหันลมเอย โรงไฟฟ้าถ่านหินเอย แผงโซล่าเซลล์ก็มีทุกทั่วหัวระแหง ในใจคุณผู้อ่านคงเกิดคำถามว่า อ้าว ไหนบอกฝนตกเยอะ แล้วจะมีแดดพอมาทำพลังงานไฟฟ้าได้อย่างไร ในภาพรวมของมณฑลอาจจะใช่ครับ แต่ลิ่วผานสุ่ยด้วยความที่ตั้งอยู่ติดกับมณฑลยูนนานก็จะมีสภาพอากาศเอียงไปทางนี้เสียมากกว่า 6 วันที่ผมและคณะเดินทางไปไม่เจอฝนสักกะเม็ด จะมีก็แต่หมอกหนา ๆ ในช่วงเช้า

การเดินทางมาที่ลิ่วผานสุ่ยจนถึง ณ ขณะที่พิมพ์อยู่นี้ยังสามารถเดินทางได้ทางเดียวครับคือทางรถ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งจากสนามบินคุนหมิงหรือสนามบินกุ้ยหยาง อารมณ์ประมาณว่าเป็นเมืองกึ่งกลางระหว่างเมืองเอกทั้งสองนั่นเอง ส่วนในอนาคตอันใกล้จะมีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมเมืองเอกทั้งสองย่นเวลาเดินทางเหลือเพียง 50 นาที และอีกไม่เกิน 10 ปีจะมีสนามบินเป็นของตัวเองด้วย

เมืองลิ่วผานสุ่ยมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 9,965 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 3.2 ล้านคน เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์สูงมากเมืองหนึ่งของจีน คือมีชนเผ่ามากถึง 28 ชนเผ่า ในด้านเศรษฐกิจ ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ทางการท้องถิ่นหมายมั่นปั้นให้เป็นประตูตะวันตกของมณฑลกุ้ยโจวผ่านการดำเนินยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของรัฐบาลจีนที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ความได้เปรียบกว่าเมืองอื่น ๆ ในจีนตรงที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเอกอย่างคุนหมิง กุ้ยหยาง เฉิงตู ฉงชิ่ง และหนานหนิงยังเสริมให้ลิ่วผานสุ่ยเป็นชุมทางการคมนาคมในแถบนี้ ในด้านทรัพยากร ลิ่วผานสุ่ยยังอุดมไปด้วยทรัพยากรแร่ธาตุมากมายกว่า 30 ชนิด โดยเฉพาะถ่านหิน เหล็ก แมงกานีส สังกะสี ผลจากการแปรรูปทรัพยากรมาเป็นพลังงานนี้เองทำให้เมืองลิ่วผานสุ่ยโตวันโตคืนดังภาพ

นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องการผลิตพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การคมนาคมที่สะดวกสบายและกำลังจะมีให้เลือกไปได้หลายช่องทางแล้ว ใครที่ชอบใช้ชีวิตแบบตื่นเช้ามาขอจิบกาแฟอุ่น ๆ สูดอากาศลึก ๆ ได้เต็มปอดตลอดทั้งปีก็ต้องที่นี่แหละครับ เมืองลิ่วผานสุ่ยได้ชื่อว่าเป็น The cool city of China ด้วยตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่มีทั้งความเย็น ความชื้น ความสดชื่น และมีรังสี UV ระดับปานกลาง เหมาะกับการใช้ชีวิต Slow life ได้เป็นอย่างดี อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 12.3-15.2 องศา และหน้าร้อน ต่อให้ร้อนให้ตายอย่างไรก็ไม่เกิน 24 องศา

ผมและคณะเดินทางจากปักกิ่งถึงคุนหมิงก็ย่ำค่ำ กว่าบัสจะพาเราข้ามมณฑลยูนนานเข้าอำเภอผานเซี่ยน อำเภอสำคัญที่สุดของเมืองลิ่วผานสุ่ยก็ปาเข้าไปราว 3 ทุ่ม บนรถผมแชทคุยกับเพื่อนนักข่าวชาวจีนที่เคยไปทริปที่ซานซีด้วยกันว่าใกล้จะถึงผานเซี่ยนแล้ว เขาถามผมกลับมาว่าจีนมีอำเภอชื่อนี้ด้วยหรือ? งงเป็นไก่ตาแตกเลยทีนี้ ฟอรั่มใหญ่ขนาดนี้จะจัดในอำเภอที่ยังมีชาวจีนไม่รู้จักเนี่ยนะ แล้วหน้าตาอำเภอที่ว่าจะไปไหนทางไหน พรางนิ้วมือบรรเลงบนแป้นโทรศัพท์ก็ได้ยินเสียงผู้เชียวชาญมาเลเซียสะกิดว่าถึงแล้ว ผมเงยหน้ามองก็สิ้นสงสัยด้วยภาพตรงหน้า ผมคิดว่าผานเซี่ยนคงต้องพัฒนาให้พอจะจัดงานใหญ่ ๆ ได้ แต่ไม่ได้คาดหวังว่าทั้งอำเภอจะเรืองแสงได้ในยามวิกาลแบบนี้ (โปรดติดตามตอนต่อไป)

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040