กาสะลองส่องจีน ตอน 71 : สิ่งที่ขับเคลื่อนจิตใจชาวผานเซี่ยน
  2016-12-23 09:47:33  cri

อดีตเป็นเหตุของปัจจุบันเสมอ หากพูดถึงการปฏิวัติวัฒนธรรมจีน บ้างอาจจะมองว่าเป็นสิ่งเลวร้าย ทำลายรากฐานความเชื่อ ความคิด หนักขั้นก็ทำลายความเป็นคน ขณะที่คนจำนวนไม่น้อยมองว่านั่นคือเหตุปัจจัยที่ทำให้จีนกำลังกลับมายิ่งใหญ่ดั่งที่เคยเป็นอีกครั้ง หากจะถกกันประเด็นนี้ ต่อให้สิ้นอสงไขยก็คงไม่จบ ส่วนตัวผมแล้วสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ต่างหากที่มีค่าและน่าสนใจกว่าจะตัดสินว่าอะไรเป็นสีขาว อะไรเป็นสีดำ

สัปดาห์ก่อนทิ้งท้ายด้วยคำถามว่าอะไรคือสิ่งยึดเหนี่ยวและคอยขับเคลื่อนจิตใจของชาวเมืองผานเซี่ยน คำตอบคือสิ่งที่พวกเขาหลงเหลืออยู่ครับ เมืองผานเซี่ยนให้ความสำคัญอย่างสูงต่อการเคารพผู้มีปัญญา ดีเอ็นเอถ้อยทีถ้อยอาศัยของชาวบ้านส่วนหนึ่งกลั่นจากหลักคำสอนของ "ขงจื่อ" ผู้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมโลกตะวันออก หากคุณผู้อ่านเดินทางมาเที่ยวเมืองนี้แล้ว ลองสังเกตว่าจริงตามที่ผมบอกไหมนะครับว่าห่างกันไม่ไกลนักมักจะต้องเจอรูปปั้น ภาพวาด หรือศาลเจ้าขงจื่อตั้งให้เห็นเต็มไปหมด อย่างเช่นที่ศาลเจ้าเหวิ่นเมี่ยวแห่งนี้

ศาลเจ้าเหวิ่นเมี่ยวตั้งอยู่ในเขตชุมชนระหว่างทางไปพิพิธพัณฑ์กองทัพแดง จากจุดแรกจะพบกับซุ้มประตูศีลธรรมที่มีมังกร 8 ตัวรอต้อนรับอยู่ มังกรทั้ง 8 นี้ไกด์บอกกับคณะผู้สื่อข่าวอาเซียนว่าเป็นโอรสของมังกรตัวที่ 9 นามว่าเหวิ่น มีหน้าที่ปกปักรักษาสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ดังนั้นคนโบราณหากจะสร้างศาลหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ ก็จะตั้งมังกรเหวิ่นให้นั่งเฝ้าซุ้มประตูด้านหน้าสุดเสมอ

ภายในศาลเจ้าแห่งนี้มีจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คอยใบ้คำสอนหลักการดำรงชีวิตด้านต่าง ๆ หรือแม้แต่สร้างความเชื่อ(มั่น)ให้มนุษย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำลักษณะครึ่งวงกลมอันหมายถึงคนเราต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ไปเรื่อย ๆ ไม่มีจุดบรรจบ หรือสะพานจองหงวนที่เชื่อกันว่าใครเดินข้ามแล้วจะสอบผ่านฉลุย เป็นต้น

ตัวศาลมีพื้นที่ 3 ส่วนหลักครับ แต่ด้วยตำแหน่งที่สร้างบนเนินเขาทำให้เราต้องค่อย ๆ ไล่ชมจากล่างขึ้นบน เท่าที่กะด้วยตาส่วนที่สองจะมีขนาดกว้างขวางสุด ใช้เป็นพื้นที่ประกอบพิธีกรรม ดังจะเห็นได้จากเครื่องเคาะสองฝั่งซ้ายขวาและพื้นที่โล่งด้านหน้าตัวหอ ซึ่งภายในเป็นที่ตั้งของรูปปั้นขงจื่อและนักปราชญ์จีนสมัยก่อน หากสังเกตจากภาพจะเห็นถึงท่าทางการแสดงความเคารพแบบขงจื่อ คือผู้ชายจะซ้อนมือขวาคล้าย ๆ กับจะกุมมือซ้ายไว้ ในขณะที่ผู้หญิงก็กระทำในทางตรงกันข้าม เดินถัดขึ้นมาในชั้นบนสุดจะเป็นหอตั้งป้ายบรรพบุรุษขงจื่อซึ่งผมเข้าใจว่าเขาต้องการสื่อถึงการยกบรรพบุรุษไว้สูงสุด

สิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันว่าคำสอนของขงจื่อและการเคารพบรรพบุรุษของชาวผานเซี่ยนยังคงอยู่คือธุรกิจพวงหรีด ขากลับออกจากพิพิธพัณฑ์กองทัพแดงผมพบกับเหล่าร้านทำพวงหรีดลักษณะแปลกตาตั้งอยู่เรียงรายเต็มซอย บ้านเราเท่าที่เห็นพวงหรีดขนาดใหญ่สุดก็อยู่ในกำลังของคน 2 คนยกไหว แต่ไม่ใช่กับที่นี่ครับ ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางราว 2 เมตร ยังไม่รวมกับม้ากระดาษตัวเขื่องที่วางอยู่ข้าง ๆ ทำเอาผมต้องเอ่ยปากถามถึงที่มาที่ไปกับเพื่อนร่วมงานชาวจีนทันที

คุณไต้เพื่อนร่วมงานบอกว่า "ไม่ใช่เพียงพวงหรีดหรือม้ากระดาษเท่านั้นที่ชาวผานเซี่ยนใช้ประกอบพิธีฌาปนกิจหรือซื้อมาเผาส่งบรรพบุรุษช่วงเทศกาลเชงเม้ง แต่ยังมีเสือดำและสิงโตด้วย" ตัวละครแต่ละตัวต่างก็มีความเชื่อที่ต่างกันไปครับ ในสมัยก่อนม้าถือเป็นพาหนะของชายชาตรี ส่วนเสือดำกับสิงโตก็มีหน้าที่เฝ้าบ้าน ยุคสมัยเปลี่ยน ความเชื่อยังคงเดิม แต่ที่วิวัฒน์เพิ่มคืออารมณ์ขัน ชาวไทยเชื้อสายจีนคงชินตากับการเผาคอมพิวเตอร์หรือไอแพดกระดาษ แต่ที่ผมเพิ่งได้ยินจากปากชาวบ้านจนกลั้นขำไม่อยู่คือแม่หม้ายที่นี่เขาเผาเมียน้อยกระดาษให้สามีผู้ล่วงลับกันด้วย

วัฒนธรรมการเคารพผู้มีปัญญาไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในสถาบันครอบครัว แต่กับสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะกับหลายโรงเรียนในเมืองผานเซี่ยน ต่างก็นำสิ่งนี้เข้ามาขัดเกลาเด็ก ๆ ให้เติบใหญ่ไปเป็นพลเมืองที่มีคุณธรรมของสังคมด้วยเช่นกัน สัปดาห์หน้าผมจะพาคุณผู้อ่านไปเยี่ยมชมโรงเรียนที่ได้ชื่อว่าเป็นเบอร์หนึ่งของแถบนี้ โรงเรียนที่ป้อนเด็กเข้ามหา'ลัยชิงหวาและมหา'ลัยปักกิ่งกันเป็นว่าเล่น เขามีนโยบายอย่างไร และในภาพรวม ระบบการศึกษาจีนในชนบทเลวร้ายอย่างที่ใคร ๆ พูดกันจริงหรือไม่ อย่าลืมติดตามกันนะครับ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040