第三十一课 汉语的特点
บทที่ 31 ลักษณะของภาษาจีน
อ.เถียน: สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่รายการเรียนภาษาจีนทุกวัน ผมเถียน อี้หยุนครับ
โจว: สวัสดีค่ะท่านผู้ฟัง สวัสดีค่ะอาจารย์เถียน
อ.เถียน: วันนี้ขอจัดรายการพิเศษเรื่องลักษณะของภาษาจีนครับ
โจว: เห็นด้วยค่ะ เล่ากันว่าสมัยโบราณมีคนชื่อ ชาง เจี๋ย เขาสังเกตรอยเท้าของนกและสัตว์ต่าง ๆ แล้วนำมาประดิษฐ์คิดสร้างอักษรภาพซึ่งเป็นต้นแบบของอักษรจีนค่ะ
อ.เถียน: นักวิจัยโบราณคดีของจีนได้พบวัตถุโบราณจำนวนมากจากสุสานริมฝั่งแม่น้ำหลิงหยาง ในอำเภอจวี่ มณฑล ซันตุง และได้พบเครื่องปั้นดินเผาที่ได้สลักอักษรภาพ สันนิษฐานว่าอักษรภาพเหล่านี้มีอายุกว่า 4,500 ปีแล้ว เป็นอักษรเก่าแก่ที่สุดของจีน
โจว: อักษรจีนเป็นอักษรสี่เหลี่ยม มีเส้นขีดมาก ผู้เรียนต้องท่องจำค่ะ
อ.เถียน: เพื่อช่วยให้ออกเสียงถูกต้อง รัฐบาลจีนประกาศใช้ 拼音 ซึ่งเป็นตัวสะกดของภาษาจีนอย่างเป็นทางการเมื่อ ปี1958 โดยใช้อักษรลาตินสะกดการออกเสียงของอักษรจีนครับ
โจว: 拼音 เป็นเครื่องหมายที่ระบุการออกเสียงชุดหนึ่งประกอบด้วยพยัญชนะ 21 ตัวและตัวสระ 39 ตัว แต่ละพยางค์มี 4 เสียงคือ เสียงเสมอ เสียงขึ้น เสียงสูงลงต่ำแล้วกลับขึ้นสูง และเสียงตก อักษรจีนเสียงต่างกัน ความหมายต่างกัน เช่น 妈 (แม่) 麻 (ชา) 马 (ม้า) 骂 (ด่า)
อ.เถียน: ขอย้ำว่า เสียงที่ต่างกัน มีความหมายไม่เหมือนกัน เช่น 妈 เสียงที่ 1 หมายถึงแม่ ส่วน马 เสียงที่ 3 หมายถึงม้า แน่นอนคุณไม่อยากเรียกคุณแม่ว่า ม้า การออกเสียงจึงสำคัญมากครับ
โจว: ใช่ค่ะ การเรียนรู้ 4 เสียงของ 拼音นั้นจะช่วยให้เราออกเสียงได้ชัดเจน และถูกต้อง ชาวต่างชาติมักจะสับสนเรื่อง 4 เสียงของภาษาจีน บางทีออกเสียงเพี้ยนไป จึงทำให้คนอื่นฟังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิดค่ะ ดังนั้น เราจะฝึกการออกเสียง 4 เสียงนี้เป็นประจำในรายการของเรา เพื่อช่วยให้ท่านผู้ฟังออกเสียงได้ชัดเจนค่ะ
อ.เถียน: อีกด้านหนึ่งคำลักษณนามของภาษาจีนมีตัวเลขนำ หน้า ต่อด้วยคำลักษณนามและปิดท้ายด้วยคำนาม ซึ่งไม่เหมือนกับภาษาไทยที่คำนามนำหน้าลักษณนาม เช่น 一头牛 วัวตัวหนึ่ง คำว่า 头 ก็เป็นคำลักษณนาม ในภาษาจีน คำลักษณนามที่ใช้บ่อยที่สุดก็คือ 个แปลว่า ชิ้นหรืออัน
โจว: 个
อ.เถียน: 两个人 2 คน
โจว: 两个人
อ.เถียน: คำลักษณนามที่ใช้บ่อยอีกคำหนึ่งคือ 条 ซึ่งใช้กับสิ่งที่มีลักษณะยาว ๆ เช่น ถนนสายหนึ่ง พูดว่า 一条路
โจว: 一条路
เกร็ดวัฒนธรรม
ศิลปะการชงชาของจีนมีความประณีตด้วยอารมณ์อันสุนทรีย์ บรรจง ผู้ชงชาจะต้องมีการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และเลือกสรรใบชาชั้นเยี่ยม ส่วนภาชนะที่ใช้ชงชาคือป้านชาและจอกชา ผู้ชงชาจะบรรจุชาในป้านชา ชงน้ำเดือดใส่ป้านชา ปิดฝาแล้วประมาณ 1 - 2 นาที ก็รินใส่จอกชาดื่มได้แล้ว
ลู่อวี่ ปัญญาชนสมัยราชวงศ์ถังเป็นผู้ประพันธ์ตำราชาจีนเรื่อง "ฉาจิง" นับเป็นหนังสือเล่มแรกของโลกที่บันทึกเรื่องชา หนังสือเล่มนี้ได้แนะนำประเภทของชา การผลิตชา การดื่มชา ประสบการณ์การวิจารณ์ชาไว้เป็นระบบ คนรุ่นหลังจึงยกย่อง ลู่อวี่ ให้เป็นปราชญ์ทางชา
อ.เถียน: ก่อนจากกันวันนี้ ขอตั้งคำถามว่า "ถนนสายหนึ่ง" พูดว่าอย่างไรครับ
โจว: กรุณาส่งคำตอบมาที่อีเมล tai@cri.com.cn
อ.เถียน: ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาคลิกมาที่เว็บไซต์ ซีอาร์ไอ http: //thai.cri.cn 再见!
โจว: 再见!