สวนสวยหน้าสนามกีฬา ป้ายสนามบาสเก็ตบอล
ผมเดินลอดหมู่ตึกไปตามถนนสั้นๆ ชื่อ ยู่ยวนตันหนานลู่ เมียงมองคนงานที่ทำงานกันง่วนไม่เกรงกับความชื้นเย็นหลังฝนแม้แต่น้อย ผมนั้นต้องควักหมวกออกมาสวม มือก็ต้องสอดไว้ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวทั้งสองข้าง
ผมมานึกได้ก็ตอนมาอยู่ที่นี่ว่าทำไม ฝรั่งถึงได้ชอบเอามือกอดอก ไม่ก็เอามือล้วงประเป๋ากางเกง หลักหลักผู้ใหญ่ก็จะคอยบอกว่ากิริยาแบบนี้เป็นมารยาทที่ไม่ดี แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะอากาศนั่นเอง หรือที่พบเห็นในหนัง ว่าตัวละครไม่ถอดรองเท้าเวลาเข้าบ้าน บางคนถึงกับใส่นอนเลยทีเดียว นั่นก็เพราะถอดไม่ได้นั่นเอง และไปไหนมาไหนก็ต้องสวมหมวกตลอด เพื่อกันลมที่มาบาดหัวหู
เห็นแล้วก็นึกเห็นใจฮิปฮอปเมืองไทยที่เอาหมวกไหมพรมมาสวมตลอดเวลา เท่ห์น่ะเทห์แน่ แต่เหงื่อคงออกเต็มหนังหัว
ถนนด้านหน้าที่ทอดขวางอยู่ชื่อ ซี่ชุย ผมตัดสินใจเลี้ยวซ้ายขึ้นเหนือไปสำรวจเส้นทางต่อ เพราะถ้าเลี้ยวขวาก็จะวนกลับไปถนนฉางอานอีก
ถัดจากแยกมานิดเดียวเป็นสถานีดับเพลิงที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่หมาด ดูเหมือนยังไม่มีใครมาประจำการนอกจากทหารเฝ้าประตู ล่องไปตามถนนอีกหน่อยพบห้างสรรพสินค้าขนาดย่อมชื่อ อิโยโยกาโดะ ซึ่งฟังจากชื่อแล้วก็พอจะรู้ได้ว่าต้องเป็นห้างของญี่ปุ่นแน่นอน ผมแวะเข้าไปหลบหนาวและอาศัยห้องน้ำที่สะอาดสะอ้านแวบนึง และเดินดูแผงเสื้อกันหนาวลดราคาที่แสนดึงดูดใจ เพราะราคาถูกกว่าที่ผมเคยไปดูมา แต่พอนึกถึงเส้นทางที่ต้องเดินต่อ ก็เลยตัดใจไม่หอบหิ้วอะไรเพิ่มเติม แต่ก็หมายมั่นว่าจะต้องกลับมาใหม่แน่นอน
เลยมาอีกหนึ่งทางม้าลายพบอาคารที่ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโบราณ แต่ปรายตามองก็รู้ว่าเป็นอาคารใหม่ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านเฉิน จื้อ เต๋อ เป็ดปักกิ่งชื่อดัง และติดกันเป็นโรงแรมขนาด ๑๐๐ ห้องชื่อ ลุ่ยเชง ซึ่งทั้งสองแห่งไม่มีรั้วกั้น ผมก็เลยสันนิษฐานว่าคงเป็นของเจ้าของเดียวกัน โรงแรมนี้นับว่ามีทำเลที่ไม่เลว เพราะไม่ไกลจากที่ท่องเที่ยว ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน ติดกันมีเป็ดชื่อดังให้ชิม ด้านหน้าก็มีรถเมล์ผ่านหลายสาย
เดินมาอีกเพียงสองอึดใจหนาว ผมก็ได้พบสิ่งที่มองหามานานตั้งแต่ผมมาอยู่ปักกิ่ง นั่นก็คือแม่น้ำ ผมนึกถึงอยู่ตลอด เพราะว่าจากจำนวนหมู่ตึกแน่นขนัด และประชากรมากว่าร้อยล้านคนในปักกิ่ง เอาน้ำที่ไหนมาใช้ เพราะแค่ทะเลสาบแม่กี่แห่งที่เห็นในแผนที่ไม่น่าจะเพียงพอต่อความต้องการแน่นอน ในที่สุดผมก็ได้เห็น "แม่น้ำจินโกว" ซึ่งแปลว่า คลองทองครับ
1 2 3 4 5 6 7
|