เพื่อนคนจีนของดิฉันโทรมา ละล่ำละลักมาทางสายว่า
"พี่คะ หนูคิดถึงอาหารไทย อยากทานอาหารไทยแต่เน้นที่มีผักมาก ๆ หน่อย" อีกสาวสวนเสียงเข้ามาในสาย
"ช่วงนี้ หนูเบื่อหมู เบื่อไก่เต็มที กินติดต่อกันมาหลายมื้อหลายวัน จนจะขันเป็นไก่ได้แล้วนะ" พูดจบเธอก็หัวเราะ
มั่นใจว่าอาการแบบนี้เกิดขึ้นกับเราท่าน ที่จัดพิธีไหว้เทพเจ้า เซ่นไหว้บรรพบุรุษในช่วงตรุษจีนซึ่งมักจะเน้นหมู ไก่ เป็ด อาหารทะเลเป็นหลัก พวกผักน่ะมีน้อย แม้ในเมืองจีนโดยเฉพาะทางภาคเหนือจะไม่ได้จัดพิธีเซ่นไหว้กันมากมาย แต่ในช่วงเทศกาลนี้ สมาชิกครอบครัวที่จากกันไปเป็นปีเพื่อทำหน้าที่การงานในต่างถิ่นต่างมณทล ก็จะพากันกลับไปพร้อมหน้ากันที่ภูมิลำเนา สรรหาอาหารการกินชั้นเลิศซึ่งก็มักจะหนีไม่พ้นพวกหมู เป็ด ไก่ มาปรุงอาหารกินกันในครอบครัว จึงไม่แปลกที่ช่วงเทศกาลตจรุษจีนจะมีการบริโภคเนื้อสัตว์เหล่านี้เพิ่มกว่าช่วงปกติ
แน่นอน หลังการเซ่นไหว้ ของเหล่านี้ไม่หายไปไหน จำได้สมัยก่อน เคยได้ยินคอเหล้าแซวกัน "ทำบุญเสียเปล่า ไหว้เจ้าได้กิน" หัวโจกที่ชอบพูดประโยคนี้ก็เป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่ต้องจัดพิธีเซ่นไหว้ แถมยังเป็นคนชอบทำบุญ เลือกสรรอาหารดี ๆ ไปถวายพระอยู่เนือง ๆ เรื่องการกินของเซ่นไหว้ เป็นหน้าที่ของบรรดาลูกหลาน มื้อแรก ๆ หลังไหว้ก็มักจะยังไม่แปรรูป ไก่ เป็ด หมูต้ม จิ้มน้ำจิ้มสุดแซ่บ สูตรเด็ด พอหลังจากนั้น ก็มักจะลวนเค็มเก็บเอาไว้รับประทานได้อีกหลายมื้อ เรียกว่าเบื่อไปตาม ๆ กัน
สังเกตไหมคะ? รับประทานแต่เนื้อสัตว์ล้วน ๆ ติดต่อกันหลาย ๆ มื้อ ผลที่ตามมาก็คือท้องอืด แล้วจะไม่ให้คิดถึงผักได้ยังไง?
รับปากรับคำว่าจะทำอาหารที่มีผักให้เพื่อนรักรับประทาน ก็งานเข้าล่ะซีคะ
ลืมไปถนัดว่าช่วงตรุษจีนเนี่ย ร้านโรงต่าง ๆ เขาปิดกันซะเป็นส่วนใหญ่ ประสบการณ์อย่างนี้เจอมาแล้วตั้ง 3-4 ปีทำไมไม่จำ แต่เมื่อรับปากแล้วก็ต้องทำ ดิฉันเดินไปตลาดน้อยแถว ๆ หลูกู่ เสี่ยวฌื้อ หรือเขตชุมชนหลูกู่ ที่ปกติจะมีร้านขายผักอยู่เกือบ 10 ร้านเรียงรายกันอยู่ เดินไปดูแล้วมีร้านผักเปิดขาย 2 ร้าน เดิมทีจะมีสินค้าเต็มร้าน ผักนับร้อยชนิด แต่ช่วงนี้มีแค่สิบกว่าอย่าง หันไปหยิบแตงกว่า พ่อค้าที่คุ้นเคยเพราะเราเป็นขาประจำ รีบหันมาบอกว่า "อาหยี ช่วงนี้ ผักแพงหน่อย แตงกว่าชั่งละ 7 หยวน" ได้ยินแล้วต้องอุทาน
"อุ๊หู แม่เจ้า แตงกวาครึ่งโล 35 กิโลละ 70 บาท จากช่วงปกติกิโลละ 25 บาท" ราคาแพงกว่าเดิม 2 เท่า แถมไม่สดและสวยเช้งเหมือนช่วงปกติ
มะเขือเทศ ชั่งละ 7 หยวน เพิ่มขึ้น เกือบ 2 เท่า เห็ดนางฟ้าชั่งละ 15 หยวน คะน้าชั่งละ 12 หยวน ต้นหอม 3 ต้นเล็ก ๆเกือบ 2 หยวน ส่วนผักชี 6 ต้นใหญ ๆ ปาเข้าไป 4 หยวน ถั่วฝักยาวชั่งละ 15 หยวน
ส่วนอาหารทะเล กุ้ง หอย ปู ปลา ราคาแทบจะไม่ขยับจากเดิมสักเท่าไหร่ ขณะที่ผลไม้มีมากมายเหลือคณา บรรดาร้านผลไม้ตระเตรียมผลไม้ไว้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ มีทั้งที่ชั่งขายเป็นกิโล และที่บรรจุกล่องทั้งกล่องพลาสติกและกล่องกระดาษสวย ๆ ให้ลูกค้าเลือกไปเป็นของฝาก หรือแม้แต่ซื้อไปรับประทานเอง
ดิฉันซื้อสิ่งของเหล่านี้ มาแค่พอใช้ พอปรุงใน 1 มื้อ เชื่อว่าอาทิตย์หน้าราคาจะถูกกว่านี้มาก เมื่อการขนส่งและสรรพสิ่งต่าง ๆ ฟื้นคืนสู่ปกติหลังจากที่มีการหยุดในช่วงตรุษจีนซะหลายวัน
ค่ำวันนั้น ดิฉันรับรองเพื่อนด้วย ต้มยำกุ้ง น้ำพริกกะปิกับผัก ไข่เจียว และผัดคะน้า เพื่อนบอกว่าอร่อยเป็นพิเศษ ดูเหมือนชีวิตปกติกลับคืนมา ขณะที่อีกคนบอกว่า
กินหมูกินไก่มาก จนสังเกตว่าเวลาเรอหรือผายลมออกมา กลิ่นหมูกลิ่นไก่ ยังไงยังงั้น
กินกันไปคุยกันไป ก็เลยได้ไอเดียว่า ตรุษจีนปีหน้า พวกเราจะไปเช่าร้านผักที่เขาจะหยุดขายในช่วงตรุษจีน กะว่าเช่าสัก 1 สัปดาห์โดยจะกักตุนผักไว้ให้ครบครัน มากพอ แล้วก็จะขายกันให้เพลิน เพื่อนอีกคนรีบเสนอความคิด ดีดี!เราทำงานตอนที่คนอื่นพักและไปเที่ยว พอพวกเขากลับมาทำงาน เราค่อยพัก เอากำไรที่ได้จากการขายผัก 7 วัน ไปเที่ยวกัน
ตอนคิดน่ะสนุก แต่ตอนทำไม่รู้ว่าจะสุขเหมือนตอนคิดไหม แต่ที่แน่ ๆ เราจะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เอาไว้มาเล่าสู่กันฟัง
ตรุษจีนปีหน้า ขายผักดีกว่า มาอุดหนุนบ้างนะคะ