ข้อท้าทายของการทูตสาธารณะจีนในปี 2012 จะเป็นอย่างไรบ้าง

- การทูตสาธารณะแบบจีนอาจจะมีข้อท้าทายที่แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 1) เรื่องปริมาณ เพราะความกว้าง

ของสื่อจีนอาจจะมีปัจจัยต่างๆ เช่น ความมั่นคงภายในประเทศ จะเห็นได้จากบางโซเชียล มีเดียก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในจีน แต่ว่าจะทำการทูตสาธารณะกับไทยที่ไทยเองเป็นประเทศที่ใช้เฟซบุคมากติดอันดับท๊อปเท็น(1 ใน 10)ของโลก อีกทั้งไทยเองใช้ยูทูปอย่างกว้างขวาง ตรงนี้เองอาจจะเป็นข้อท้าทายที่ทางรัฐบาลจีนอาจจะลองทบทวนว่าหากบล๊อกภายในประเทศแต่ภายนอกประเทศ ยังใช้สื่อสารไปยังสื่อต่างๆ ได้อย่างไร

อีกข้อหนึ่งก็เป็นข้อท้าทายในเรื่องคุณภาพ อาจจะมีการศึกษาหรือวิจัยเพิ่มเติมในเรื่องนี้มากขึ้น เช่น มีการทำช่องโทรทัศน์มีแพนด้าติดตามชีวิต แต่อาจจะต้องสำรวจความคิดเห็นประชาชนปลายทางหรือประเทศเป้าหมายว่า มีทัศนคติบวกหรือลบอย่างไรเพื่อที่จะนำไปพัฒนาต่อไป

จีนเองมักกล่าวอยู่เสมอว่า จะสร้างความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับประเทศกำลังพัฒนาและจีนเองก็เป็นประเทศกำลังพัฒนาด้วย หากให้คาดการณ์ในอนาคต มองว่าบทบาทของจีนในประชาคมโลกจะเป็นอย่างไรบ้าง

- การเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศโลกที่สามหรือประเทศกำลังพัฒนานั้นเป็นนโยบายหลักของจีนอยู่แล้ว ในกลุ่มประเทศแอฟริกา ลาตินอเมริกาและเอเชีย ซึ่งตรงนี้เอง บทบาทการเป็นผู้นำของจีนค่อนข้างเด่นชัดอยู่แล้ว สิ่งที่จีนต้องทำต่อไปในด้านการทูตสาธารณะ เช่น การทำให้ภาษาจีนแพร่หลายมากขึ้น ส่งเสริมเวบไซต์ภาษาจีนสำหรับคนต่างชาติ ซึ่งบทบาทตรงนี้จะยิ่งส่งเสริมให้สถานะของจีนสูงขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ เพราะว่าจะมีคนสามารถและรับรู้เข้าใจในสิ่งที่จีนสื่อได้โดยไม่ต้องผ่านภาษาตัวกลาง คือสามารถใช้ภาษาจีนได้เลย

ในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ และเป็นหนึ่งในประชากรของโลก(Global Citizen) คิดว่าการสื่อสารแบบจีนเข้าถึงหรือโดนใจคนหนุ่มสาวมากน้อยแค่ไหน

- ในแต่ละปี มีคนวัยหนุ่มสาวจากทั่วโลกเดินทางมาศึกษาและท่องเที่ยวที่ประเทศจีนในอัตราที่มากขึ้นเรื่อยๆ

ในลักษณะที่ก้าวกระโดดเลยทีเดียว อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า จุดแข็งของจีนคือวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์โบราณ เพราะฉะนั้นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าจะได้รับความนิยมจากคนหนุ่มสาว และจีนเองยังส่งเสริมการเป็นเจ้าภาพในงานมหกรรมใหญ่ๆ ระดับโลกอีกหลายครั้งด้วย ไม่ว่าจะเป็นกีฬามหาวิทยาลัยโลก โอลิมปิค เซียงไฮ้เวิลด์เอ๊กซ์โป สิ่งต่างๆ เหล่านี้นี่มันเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมเก่าของจีนให้ออกมารับชมได้อย่างตระการตามากขึ้น เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ถูกใจผู้ชมคนวัยหนุ่มสาวได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ อย่างที่บอกไปว่า ทุนรัฐบาลจีนเน้นให้คนมาศึกษาภาษาจีน มาศึกษาจีนจากมุมมองของจีนถ่ายทอดเอง เป็นการรับสารที่บริสุทธิ์กว่า และสามารถเข้าถึงประชากรโลกได้โดยตรงมากกว่า

ทางพงศ์พิสุทธิ์บอกว่า เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนหนุ่มสาวจากประเทศไทยที่มีความสนใจจีนเป็นพิเศษ และต้องการมาศึกษาเรียนรู้เพื่อเข้าใจความเป็นจีนอย่างถ่องแท้จากต้นตำรับสำนักวิชาด้านการต่างประเทศจีนถึงที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง จีนนั้นยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้ค้นหาและศึกษาอีกมากมาย ถึงแม้จะมีสื่อต่างๆ พูดถึงจีนในประเด็นต่างๆ ในมุมมองหลากหลาย แต่ "สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น" จึงทำให้หนุ่มไทยคนนี้มาค้นหาและเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆในแบบจีนด้วยตัวเอง

สุชารัตน์ สถาพรอานนท์