บรรยากาศกรุงปักกิ่งดูหม่นหมองด้วยท้องฟ้าสีหม่นเพราะหมอกหนาปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว หากอากาศแบบนี้เกิดในประเทศไทยบ้านเรา คนไทยจะคาดเดาว่า น่าจะมีฝนตกในอีกไม่ช้า แต่สำหรับกรุงปักกิ่งแล้ว บรรยากาศแบบนี้มักจะตามมาด้วยฝน และหิมะตกในช่วงปลายฤดูหนาว ที่สร้างความประหลาดใจให้กับชาวปักกิ่ง แต่ก็ถือว่า เป็นการดีที่น้ำฝนและหิมะได้ชำระล้างชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่น หมอก ควันซึ่งอาจจะนำพามาสู่โรคทางเดินหายใจและมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็งปอดได้
รูป a บรรยากาศของกรุงปักกิ่งภายใต้กลุ่มหมอกปกคลุมอย่างหนาแน่น
เนื่องในโอกาสครบรอบ 35 ปีของโรงพยาบาลรักษามะเร็งแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ได้จัดงานแถลงข่าวรายงานสถิติจากสถาบันวิจัยมะเร็ง กรุงปักกิ่งว่า ปีที่แล้ว ทางสถาบันวิจัยได้เก็บสถิติทุกวันจากผู้ป่วยที่มาวินิจฉัยโรคมะเร็งจำนวน 105 ราย พบว่า ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตเพียงแค่ 1 ต่อ 4 เท่านั้น ส่วนใหญ่มาจากสาเหตุมะเร็งปอดและเต้านม สถิติจากงานวิจัยยังรายงานอีกว่า ตั้งแต่ปี 2000-2009 อัตราของผู้ป่วยมะเร็งปอดมีถึงร้อยละ 56 ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมนั้นมีสูงมากถึงร้อยละ 127 ส่วนผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์และมะเร็งตามอวัยวะส่วนอื่นๆ ก็สูงเพิ่มมากขึ้นจากเมื่อทศวรรษที่แล้วเช่นกัน
สาเหตุหลักนั้นมาจากมลพิษและสุขภาพไม่แข็งแรงเนื่องจากวิถีชีวิตประจำวันชาวปักกิ่ง โดยเฉพาะการใช้ชีวิตในเมืองแบบรีบเร่งและแรงกดดันจากหลายๆ อย่างทำให้ฮอร์โมนถูกกระตุ้นและผลิตออกมาเกินความจำเป็น ซึ่งนำปสู่ภาวะการเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งในที่สุด ในเวลาเดียวกันก็มีทางป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเสี่ยงนั้น ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่า ผู้คนควรจะลดการสูบบุหรี่ ออกกำลังกายให้บ่อยครั้งขึ้นและลดน้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานด้วย อีกทั้งยังต้องหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ มีผู้ป่วยเป็นมะเร็งกว่าร้อยละ 65 นั้นมีทางรักษาเพราะตรวจพบว่าเป็นมะเร็งในระยะแรกเริ่ม แต่อย่างไรก็ตามยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนมากที่มารักษามะเร็งช้าไปทำให้มะเร็งลุกลามและพัฒนาไปสู่ระยะอันตรายแล้ว
โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินที่ตั้งอยู่เขตชานเมืองของกรุงปักกิ่ง หนึ่งในสาเหตุหลักของการสร้างมลพิษ
ด้วยสาเหตุนี้ ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลรักษามะเร็งแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่งจึงเห็นว่า ต้องมีการรณรงค์และสร้างความตระหนักให้กับชาวปักกิ่งเกี่ยวกับการป้องกันและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ปลอดภัยจากมะเร็ง อีกทั้ง ประชาสัมพันธ์ให้ชาวปักกิ่งเห็นความสำคัญของการตรวจสุขภาพอย่างเป็นประจำเพื่อเปลี่ยนจากผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายมาเป็นระยะทันรักษาและปลอดภัยในที่สุด
การรณรงค์และสร้างความตระหนักครั้งนี้ก็ได้เจาะกลุ่มเป้าหมายที่น่าจะมีภาวะเสี่ยงของการเกิดมะเร็งมากที่สุดคือ คนขับรถโดยสารประจำทางจำนวน 2,000 คน และมีแผนจะขยายไปยังคนขับรถแท๊กซี่และลูกจ้างตามสถานีรถไฟทุกแห่งของปักกิ่งภายในเวลา 5 ปี โดยครั้งนี้ได้รณรงค์ผ่านกิจกรรมการให้ความรู้และรถบริการตรวจหามะเร็งเคลื่อนที่ เหตุที่ทางโรงพยาบาลเลือกอาชีพเหล่านี้เป็นกลุ่มเป้าหมายนั้น เพราะว่าคนกลุ่มนี้มีภาวะสุ่มเสี่ยงมากว่ากลุ่มอื่น เช่น มีชั่วโมงการทำงานยาวนานกว่าแปดชั่วโมงต่อวัน มักพักผ่อนไม่เพียงพอและทานอาหารที่ผิดสุขลักษณะ และเมื่อพวกเขาใช้ชีวิตแบบนี้เวลานานก็จะทำให้เกิดผลเสียกับสุขภาพ อีกทั้งการตรวจสุบภาพจากบริษัทฯ ก็จะเป็นการตรวจสุขภาพแบบทั่วไปซึ่งสามารถตรวจได้แค่ระบบหลอดเลือดและทางเดินหายใจเท่านั้น ไม่ได้มีการตรวจเฉพาะเจาะจงหาเซลล์มะเร็งแต่อย่างใด
นอกจากนั้น ทางโรงพยาบาลมีแผนจะส่งเจ้าหน้าที่ไปเผยแพร่ความรู้และประชาสัมพันธ์แบบเคาะประตูบ้านและชุมชนให้ชาวปักกิ่งรู้เท่าทันมะเร็งจะปลอดภัยจากมะเร็ว เพราะไม่ว่าจะเป็นมะเร็งแบบไหน หากรู้ก่อน ก็จะหาทางรักษาได้ทันท่วงทีแน่นอน
สุชารัตน์ สถาพรอานนท์