เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ปักกิ่งมีหิมะตกเกือบทั้งวันทำให้ทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยสีขาว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่หิมะสุดลูกหูลูกตา ทันทีที่สิ้นเสียงวางสายจากเพื่อนชาวอังกฤษ ฉันก็รีบหันไปคว้าหมวกไหมพรมใบเก่งมาสวมพลางใส่เสื้อนวมกันหนาวที่หนาที่สุดสำหรับการไปตะลุยสกีรีสอร์ทค่ำคืนนี้ นับเป็นครั้งแรกที่จะได้เล่นสกีและที่สำคัญเล่นในเวลากลางคืนอีกต่างหาก จึงรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย แต่ก็ต้องเตรียมตัวให้อบอุ่นที่สุดเพราะว่าแค่เดินอยู่ท่ามกลางหิมะบนถนนยังรู้สึกเย็นและหนาวมาก ไม่อยากนึกเลยว่าหากต้องไปยืนอยู่ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยหิมะอย่างสกีรีสอร์ทนั้นจะหนาวเหน็บแค่ไหน
ระหว่างนั่งรถไปยังสกีรีสอร์ท เพื่อนชาวอังกฤษเล่าให้ฟังว่า ประเทศที่มีกิจกรรมเล่นสกีมักจะออกไปเล่นสกีหลังจากหิมะเพิ่งตกใหม่ๆ เพราะว่าหิมะช่วงนั้นจะนุ่มและดีต่อการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดมาก จึงเกิดทริปแบบเร่งด่วนนี้ขึ้นมา ฉันคิดในใจเบาๆ ว่า ทริปนี้ต้องสนุกแน่เลยเพราะการไปไหนโดยไม่ต้องวางแผนมากหรือใช้เวลาตัดสินใจนานว่าจะไปไม่ไป หรือคอยถามรายละเอียดจนแบบไม่ต้องไปก็ได้นั้นไม่สนุกเท่าไร ยิ่งมีเวลาเยอะก็ยิ่งทำให้ลังเล ในเมื่อมันคือการพักผ่อนก็ไม่ควรจะต้องคิดมากให้เหนื่อย ปล่อยให้สมองพักผ่อนบ้างและใช้ใจนำทางก็จะทำให้ชีวิตมีสมดุลขึ้นรวมถึงอารมณ์ของตัวเองก็ดีขึ้นด้วย
พวกเราไปถึงสกีรีสอร์ตซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 30 กม. ตั้งอยู่แถววงแหวนห้าของปักกิ่ง จริงๆ แล้วไม่ไกลนักหากมีรถส่วนตัว เพราะสังเกตว่า แทบจะไม่มีรถแท๊กซี่เข้าไปเลย ลานจอดรถเต็มไปด้วยรถส่วนตัวของคนที่มาเล่นสกีในยามค่ำคืน ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งตื่นตาตื่นใจเพราะคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ชื่นชอบการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดถึงแม้ว่า ตอนนั้นจะเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้วก็ตาม เรารีบจัดการแลกการ์ดเพื่อนำมาเช่าชุดและอุปกรณ์สกี รวมถึงค่าเข้าสกีรีสอร์ตแห่งนี้ แน่นอนกลางคืนย่อมถูกกว่ากลางวันเกือบครึ่งหนึ่ง จาก 150 หยวนเหลือเพียง 85 หยวนพร้อมค่ามัดจำอีก 500 หยวน(จะได้คืนหลังจากเล่นสกีเสร็จ) นี่ก็คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มีผู้คนมากมายในคืนนี้ แต่พอเหลือบมองเวลา เรามีเวลาเล่นอีก 2 ชั่วโมงเท่านั้นเพราะที่นี่จะปิดให้บริการประมาณห้าทุ่ม พวกเราจึงรีบไปจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ตั้งแต่อุปกรณ์สกีครบชุด รองเท้าสำหรับเล่นสกี และเสริมกางเกงกันหิมะอีกชั้นกันก้นเปียก แค่นี้ก็กลายเป็นนักสกีมืออาชีพแล้ว
เพื่อนชาวอังกฤษที่ไปด้วยเลือกเล่นสโนว์บอร์ด ส่วนที่คนอื่นๆเล่นสกี เมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็เร่งฝีเท้าก้าวออกไปตรงลานกว้างที่จัดสำหรับเป็นลานอบอุ่นร่างกายก่อนจะลงเนินเล็กๆเพื่อเข้าสู่ลานสกีจริง หากคนไม่เคยเล่นมาก่อน ที่นี่ก็มีบริการครูสอนสกีซึ่งสามารถพูดได้หลายภาษาและคิดค่าบริการเริ่มต้นที่ราคา 150 หยวนต่อชั่วโมงและมีหลายราคาให้เลือกตามความพอใจ แต่ฉันไม่ได้ใช้บริการนี้เพราะเพื่อนๆ ที่ไปด้วยได้สอนเทคนิคเบื้องต้น เช่น การเดิน การทรงตัว และการหยุดแถมทำให้ดูเป็นตัวอย่างเล็กน้อย หลังจากนั้นทุกคนก็หันมานัดเวลาเจอกันและลื่นไถลหายไปท่ามกลางผู้คน ปล่อยฉันยืนมองหลังพวกเขาที่ห่างออกไปจนลิบตา
แต่ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนไทยที่ยึดประโยคปลุกใจถ้าเจอสิ่งใหม่และน่าท้าทายว่า "คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก" ก็ลองลุยดูสักตั้ง จึงค่อยๆ สกีไปยังลานกว้าง ไปหยุดชื่นชมกับกลุ่มเด็กเล็กที่เล่นสกีอย่างคล่องแคล่วและสนุกสนาน ยืนมองเพลินจนมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ทางเลื่อนได้ส่งมาถึงเนินแรกสำหรับสกีแล้ว ฉันปล่อยให้ผู้คนแล่นลงไปทีละคนสองคนก่อน ตอนนั้นหัวใจเริ่มเต้นระรัว เหงื่อเริ่มออกเต็มมือทั้งๆ ที่อากาศหนาวมาก แต่มาแล้วไม่ลองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ก็เลยเรียกสติพร้อมย่อตัวและสกีลงเนินไป ระหว่างทางลงมาอาจจะเป็นเวลาเพียงระยะสั้นๆ สำหรับบางคนที่เล่นสกีเป็นแล้ว แต่สำหรับฉันรู้สึกว่าเป็นเวลานานมากกว่าจะส่งตัวเองมายืนอยู่เบื้องล่างโดยไม่ล้มและไม่ชนผู้คน นับว่าเป็นการประสบความสำเร็จสำหรับมือใหม่หัดสกี เจ้าความสนุกเริ่มเข้ามาแทนที่ความกลัวและความตื่นเต้น ฉันส่งตัวเองขึ้นไปบนเนินอีกครั้ง แต่คราวนี้นั่งกระเช้าขึ้นไปแทนซึ่งก็หมายความว่าเลือกเนินที่มีระดับความสูงมากขึ้น
ไม่รู้ว่าค่ำคืนนั้นฉันขึ้นไปบนเนินและสกีลงมากี่ครั้ง รู้แต่เพียงว่า แต่ละครั้งที่พาตัวเองลงเนินมานั้น สัมผัสได้ถึงสายลมที่ปะทะหน้าตามความเร็วของการเล่น สติและสายตาที่คอยมองไปข้างหน้าเพื่อตัดสินใจและกำหนดทิศทางในกรณีหากไม่ไหวก็หยุดหรือบางทีก็เลือกล้มเองบ้างดีกว่าไปชนคนอื่นให้ได้รับบาดเจ็บข้างหน้า และแทบไม่น่าเชื่อว่า การเล่นสกีจะทำให้เหงื่อออกจนชุ่มไปทั้งตัว ซึ่งเกือบจะลืมเลือนความรู้สึกแบบนี้ไปนานมากแล้ว ที่สำคัญได้เห็นตัวเองและทบทวนบางสิ่งระหว่างอยู่บนลานสกีนั้น
การยอมรับสิ่งใหม่และเปลี่ยนจากสิ่งท้าทายมาเป็นบททดสอบจิตใจของตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าต่อผู้คนมาก เพราะเราไม่สามารถที่อยู่บนลานฝึกหัดหรือเนินที่หนึ่งได้ตลอดชีวิต นอยู่กับว่า เราจะกล้าขึ้นไปเผชิญเนินที่มีระดับสูงกว่าเรื่อยๆ หรือไม่ แต่บางคนอาจจะเลือกไม่เจ็บตัวและเล่นอยู่ในลานฝึกหัดซ้ำที่เดิมต่อไป
สุชารัตน์ สถาพรอานนท์
* สำหรับผู้สนใจมาท่องเที่ยวปักกิ่งช่วงฤดูหนาวนี้ ขอแนะนำว่า ลองจัดเวลาสัก 2-3 ชั่วโมงมาลองเล่นสกีกัน นอกจากจะได้เห็นสกีรีสอร์ทที่ไม่มีที่เมืองไทยแล้ว ยังได้สัมผัสบรรยากาศการเล่นสกีอีกด้วย สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.tour-beijing.com/ski/ski_resorts.php