เมื่อเร็วๆ นี้ นายวอลแตร์ กัสมิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์กล่าวว่า หากสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีมีความตึงเครียดถึงขีดสุด รัฐบาลฟิลิปปินส์จะใช้มาตรการเฉพาะกาลซึ่งได้เตียมไว้ล่วงหน้า รวมทั้งอนุญาตให้ทหารสหรัฐฯ เข้าไปประจำการด้วย วันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา นายอัลเบิร์ต เดล โรซาริโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์กล่าวว่า ตามข้อตกลงว่าด้วยการร่วมกันป้องกันประเทศระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ ไม่ว่าฝ่ายใดถูกโจมตีก็ตาม สองประเทศล้วนต้องร่วมกันใช้ปฏิบัติการ ดังนั้น หากฟิลิปปินส์หรือพันธมิตรได้รับการโจมตี การอนุญาตให้สหรัฐฯ ใช้ฐานทัพในฟิลิปปินส์ จึงเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายเว่ย ตุง สวี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารเห็นว่า มีความเป็นไปได้น้อยที่สหรัฐฯ จะส่งทหารอากาศและทหารเรือไปคาบสมุทรเกาหลี
เขากล่าวว่า การแสดงท่าทีของรัฐบาลฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ มีความหมายแฝง คือ หากทหารสหรัฐฯ จะรับมือกับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี หรือจัดการกับการปะทะที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ใช้ฐานทัพในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นจะดีกว่า เพราะใกล้กว่า และมีความพร้อมเพรียงกว่าในทุกๆ ด้าน ส่วนฟิลิปปินส์ห่างไกลจากคาบสมุทรเกาหลี การส่งกำลังทหารจากฟิลิปปินส์ไปยังคาบสมุทรเกาหลีนั้นไม่ทันแน่นอน
นอกจากนี้ นายเว่ย ตุงสวี้เห็นว่า การแสดงท่าทีของรัฐบาลฟิลิปปินส์ อาจเป็นการสร้างบรรยากาศและปูทางให้กับการเชิญทหารสหรัฐฯ เข้าไปประจำการ
เกี่ยวกับการที่สหรัฐฯ ได้ส่งทหารจำนวนไม่มากประจำการในฟิลิปปินส์จะส่งผลต่อกำลังรบของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวกับทะเลจีนใต้หรือไม่นั้น นายเว่ย ตุงสวี้เห็นว่า หน้าที่หลักของทหารสหรัฐฯ คือ ช่วยฝึกทหารฟิลิปปินส์เพื่อรับมือกับกองกำลังติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลภายในประเทศ ซึ่งไม่กระทบถึงความสมดุลด้านกำลังรบในน่านน้ำทะเลจีนใต้