ภาพประชาชนขี่จักรยานเป็นภาพคุ้นตาในสังคมจีนนับจากอดีตถึงปัจจุบัน รวมทั้งในเมืองและชนบท เพราะข้อดีที่ว่าเร็วกว่าเดินเท้า สะดวกกว่ารถประจำทาง และคล่องตัวกว่ารถยนต์ ทำให้ชาวจีนยังคงนิยมขี่จักรยานไม่เปลี่ยน โดยปัจจุบันจากขี่จักรยานธรรมดาก็พัฒนาขึ้นเป็นการใช้จักรยานไฟฟ้า ที่เพิ่มความสะดวกรวดเร็วขึ้น ช่วยผ่อนแรงมากขึ้น และที่สำคัญยังรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งทางคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานรถจักรยานแห่งชาติจีน ได้พิจารณาว่าจะมีการปรับเปลี่ยนมาตรฐานใหม่ แก้ไขข้อกำหนดเรื่องความเร็วสูงสุดของรถจักรยานไฟฟ้าเป็น 26 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิม 20 กิโลเมตร สำหรับรถที่มีน้ำหนักไม่เกิน 40 กิโลกรัม ที่บัญญัติไว้ตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งหากเร็วเกินนี้จะตัดไฟโดยอัตโนมัติ
แต่เพราะปัจจุบันมีการขยายตัวของเมืองออกไปเรื่อย ระยะทางที่ไกลขึ้น จังหวะชีวิตที่เร่งรีบยิ่งขึ้น ประกอบกับประสิทธิภาพการขนส่งที่ยังต่ำ และอื่นๆ ทำให้ผู้ใช้งานยังคงรู้สึกถึงความเชื่องช้าไม่ทันใจ จึงตามมาด้วยการฝ่าฝืนข้อกำหนดทำการต่อเติมดัดแปลงให้วิ่งได้เร็วขึ้น ด้วยการติดตั้งก้อนแบตเตอรรี่เพิ่มเข้าไป และเปลี่ยนอุปกรณ์ควบคุมกับที่ชาร์ตใหม่ให้เหมาะสมกันก็เป็นอันใช้ได้ โดยหากทางร้านไม่มี "บริ การหลังการขาย" ที่ว่าช่วยปรับเพิ่มความเร็วให้ได้ ก็จะส่งผลกระทบต่อยอดขาย
และแน่นอนความเร็วที่เพิ่มขึ้นย่อมนำมาซึ่งจำนวนอุบัติเหตุที่เพิ่มมากขึ้นตามมาด้วยโดยเฉพาะในบริเวณใกล้ป้ายรถประจำทาง ที่คนเดินเท้าจะต้องเดินข้ามเลนจักรยานที่คั่นกลางระหว่างทางเท้ากับถนนใหญ่ ซึ่งรถจักรยานไฟฟ้ามักจะขี่ผ่านโดยไม่ระวังและไม่ผ่อนความเร็ว การเกี่ยวกระแทกแขนบ้างอะไรบ้างจึงมีเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ชวนให้เสียวจิตยิ่งกับผู้สูงอายุที่เดินเหินไม่สะดวก ก้าวย่างเชื่องช้า หากจะข้ามแต่ละทีคงต้องคอยหาจังหวะหาระยะห่างให้ดี ไม่อย่างนั้นโดนเฉี่ยวชนล้มไปเป็นไม่คุ้มกัน
ข้อมูลทางสถิติระบุ ประเทศจีนผลิตรถจักรยานไฟฟ้าถึง 30 ล้านคันต่อปี และมีปริมาณการใช้งานทั่วทั้งประเทศอย่างน้อย 142 ล้านคัน เฉลี่ยแล้วทุกหนึ่งร้อยครัวเรือนมี 31.2 คัน
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府