ในระหว่างวันที่ 27 มิถุนายนถึงวันที่ 2 กรกฏาคมนี้ สหรัฐกับฟิลิปปินส์จัดการซ้อมรบร่วมที่บริเวณน่านน้ำซึ่งห่างจากเกาะหวงเหยียนไปทางทิศตะวันออกประมาณ 108 กิโลเมตร สองประเทศให้ความสำคัญต่อการซ้อมรบครั้งนี้อย่างสูง กำลังทหาร และขนาดเรือที่เข้าร่วมของสหรัฐฯต่างสร้างสถิติใหม่เป็นประวัติศาสตร์ นักวิเคราะห์เห็นว่า ทั้งๆที่สหรัฐฯประกาศว่า การซ้อมรบครั้งนี้ไม่เจาะจงต่อจีน แต่สหรัฐมีการจัดวางทหารเพื่อปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์กลับสู่เอเชีย-แปซิฟิกแล้ว ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ก็พากันแสดงความสนับสนุน ซึ่งแสดงให้เห็นวัตถุประสงค์แอบแฝงที่เจาะจงต่อจีนนั่นเอง

หลังจากสหรัฐฯกับฟิลิปปินส์จัดการซ้อมรบเมื่อเดือนเมษายนนี้แล้ว สองประเทศจัดการซ้อมรบร่วมอีกครั้ง ซึ่งมีเนื้อความหลักว่า ซ้อมปฏิบัติการด้านการสื่อสารบนทะเล การต่อต้านการก่อการร้าย และรักษาความปลอดภัยทางทะเล เป็นต้น แหล่งข่าวแจ้งว่า กองทหารเรือสหรัฐฯที่เข้าร่วมการซ้อมรบครั้งนี้คือ กองเรือมหาสมุทรแปซิฟิกสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วยทหารเรือ นาวิกโยธินและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายบนทะเล 1,200 นาย ส่วนฟิลิปปินส์ก็แสดงว่า จะส่งเรือรบขนาดใหญ่สุดไปเข้าร่วมการซ้อมรบครั้งนี้

นายอิ่น จั๋ว ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารของจีนชี้ให้เห็นว่า การซ้อมรบร่วมสหรัฐฯ-ฟิลิปปินส์ครั้งนี้ส่งสัญญาณต่อภายนอกว่า ถ้าเกิดการปะทะเกี่ยวกับทะเลจีนใต้ สหรัฐฯจะสนับสนุนฟิลิปปินส์ในทางทหาร ดร.จาง เจ้าจง อาจารย์มหาวิทยาลัยการป้องกันประเทศจีนกล่าวว่า หลังจากนายสี จิ้นผิงกับนายบารัก โอบามาจัดการพบปะกัน ความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ระหว่าง จีนกับสหรัฐฯมีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้แสดงว่า สหรัฐฯจะไม่ให้แรงกดดันแก่จีนในปัญหาทะเลตะวันออกและทะเลจีนใต้

นอกจากนี้ นายอิ่น จั๋วยังชี้ให้เห็นว่า เมื่อเร็วๆนี้ ฟิลิปปินส์ใช้ปฏิบัติการต่างๆเกี่ยวกับเกาะหวงเหยียนบ่อยครั้ง โดยหาเรื่องในปัญหาทะเลจีนใต้ โดยมุ่งจะแจ้งในการประชุมผู้นำฟอรั่มภูมิภาคอาเซี่ยนว่า จีนมีการคุกคามต่อประเทศอื่นๆ เขากล่าวว่า ต่อการท้าท้ายของฟิลิปปินส์ทุกครั้ง จีนควรมีการตอบโต้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งต้องเสริมการควบคุมต่อเกาะที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้น