คุณไช่: โรงอาหารในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไร อาหารที่เขาขายมีความหลากหลายแค่ไหน ถูกปากคนไทยหรือเปล่า
คุณรพีพรรณ: ความหลากหลายมีคะ ตอนมาเรียนต่อปริญญาโทที่กรุงปักกิ่ง ภายในมหาวิทยาลัยมีโรงอาหารหลายๆ แห่ง ด้วยการที่จำนวนนักเรียนมีมาก และสำหรับตัวเองแล้วก็คือ ทานง่าย โรงอาหารเป็นที่ฝากท้องประจำของเราอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าบางที่จะรู้สึกอาหารมันไปหน่อย แต่ด้วยความที่กินง่าย ก็เลยไม่รู้สึกอะไร สำหรับนักเรียนไทยส่วนใหญ่เขาชอบทำอาหารกันเอง หอพักนักศึกษาต่างชาติส่วนใหญ่จะมีห้องครัวรวม สามารถนำเตาไฟฟ้าไปใช้ ทำอาหารกันได้
คุณไช่: ช่วงเรียนในจีน บางที่เกิดอาการว้าเหว่ คิดถึงบ้านหรือเปล่า
คุณรพีพรรณ: ในความรู้สึกตัวเอง ถ้าเราคิดถึงบ้าน เราจะไม่ไปเหงาอยู่ตรงนั้น เราใช้วิธีโทรศัพท์คุยกับที่บ้าน คุยกันตลอดไม่มีต้องคิดถึง และรู้ว่าบอกคิดถึงก็ช่วยอะไรไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่รู้ว่าความคิดถึงไม่ได้ช่วยให้เราก้าวหน้า ท่านคงไม่ให้กลับคงบอกให้ทนไป มาถึงช่วงเรียนปริญญาโท ถึงแม้จะโตขึ้นแก่ขึ้น คุณพ่อคุณแม่ก็ยังโทรมา แต่ก็ไม่ใช่โทรมาทุกอาทิตย์ เพราะท่านต้องการให้เราโตมากกว่านั้น คือปล่อยมากกว่า ดิฉันคิดว่า ถ้าเป็นแบบโทรแล้วต้องให้เราไปร้องห่มร้องไห้ เราก็กลัวว่าคุณพ่อคุณแม่จะห่วง อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเรามีความรู้สึกในเรื่องนี้ เราจะอยู่ไม่รอด มันจะทำให้ใจอยากกลับ ดิฉันจึงพยายามปรับตัว และทำใจให้เรียบที่สุด ถึงจะคิดถึงบ้าน ก็อาศัยโทรคุยเป็นหลัก
คุณไช่: ตอนนั้นเรียนหลักสูตรอะไร ? ทางมหาวิทยาลัยให้ทำกิจกรรมบ้างไหม?
คุณรพีพรรณ: เรียนปริญญาโทที่มหาวิทยลาลัยเหรินต้า(มหาวิทยาลัยประชาชนจีน)ในกรุงปักกิ่ง หลักสูตรคือ วรรณกรรมจีนสมัยใหม่และร่วมสมัย หลักสูตรสามปี มหาวิทยาลัยของจีนเหมือนของไทย คือมีกิจกรรมชมรมต่างๆ ให้เลือกเยอะมาก ขอแค่คุณมีเวลา และอยากจะไปร่วม จะอยู่ได้อย่างสนุกมาก ไม่มีความรู้สึกเบื่อแน่ๆ เพราะอย่างน้อย พวกนักเรียนต่างชาติไม่ว่าจะเป็นนักเรียนไทยหรือประเทศอื่นๆ เขาอยากจะรู้จักประเทศจีนอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้จักหรือเข้าใกล้กับสังคมจีนมากยิ่งขึ้น โดยที่กิจกรรมในมหาวิทยาลัยก็มีหลายรูปแบบ ทั้งทางศิลปวัฒนธรรม อย่างชงชา เขียนพู่กัน หรือว่ารำมวยไท่เก๊ก นอกจากนี้ ยังมีงานเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ ซึ่งล้วนสนุกมาก
คุณไช่:จากการเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยจีน เราได้อะไร ?
คุณรพีพรรณ: อย่างแรกก็คือความรู้ จากเดิมที่ถือว่าพอได้บ้างก็ได้มากขึ้นอีก แล้วก็มีประสบการณ์ชีวิตที่มากขึ้น ความเคยชินต่างๆ ทำให้เราปรับตัวในสังคมได้ดีขึ้น
คุณไช่: วันนี้ได้ข้อมูลและความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการศึกษาต่อในจีนจากคุณรพีพรรณ ขอขอบคุณคุณรพีพรรณครับ ขอให้คุณรพีพรรณมีความสุข และประสบความสำเร็จมากขึ้นระหว่างใช้ชีวิตในเมืองจีน
คุณรพีพรรณ: คะ สาธุ ขอบพระคุณคะ แล้วขอฝากไปนิดหนึ่ง สำหรับคุณผู้ฟังท่านใดถ้าสนใจในเรื่องหลักสูตรเรียนภาษาที่มหาวิทยาลัยเหรินต้า ค่าเล่าเรียนจะตกอยู่ที่ราว 21,500 หยวนต่อปี แล้วห้องพักจะมีทั้งแบบห้องเดี่ยว ห้องคู่ ค่าใช้จ่ายตั้งแต่40-100 หยวนต่อวันต่อคน ถ้าน้องๆ หรือลูกหลานของท่านผู้ฟังท่านใดสนใจ ก็ลองดู เป็นตัวเลือกที่ดีอีกแห่งหนึ่ง
คุณไช่: ในระยะเวลา 38 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่จีนไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นต้นมา นักศึกษาชาวไทยที่เดินทางมาศึกษาในประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบางส่วนสำเร็จการศึกษาและกลับประเทศไทยแล้ว พวกเขากลายเป็นบุคลากรของไทยที่มีศักยภาพโดดเด่น อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในด้านความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างจีนไทย บางส่วนที่ใกล้จะสำเร็จการศึกษา พวกเขาก็กำลังจะได้พบอนาคตที่สดใส
คุณรพีพรรณ:ความร่วมมือในเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-จีนจะทำให้ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาของทั้งสองประเทศพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง และมิตรภาพระหว่างจีนไทยจะยิ่งแน่นแฟ้นยิ่งๆ ขึ้นไป สวัสดีคะ