การประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 18 ครั้งที่ 3
รัฐบาลจีนชุดใหม่ภายใต้การนำของประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ได้ประกาศแผนปฏิรูปประเทศรอบด้านทั้งเศรษฐกิจและสังคม หลังจากการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 9-12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในรอบ 30 ปีของการเปิดประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางเป็นพิมพ์เขียว วางกรอบการพัฒนาประเทศในอีก 10 ปีข้างหน้า ได้รับความสนใจและเป็นที่จับตามองจากทั่วโลก
สาระสำคัญของข้อสรุปจากที่ประชุม คือการมุ่งเน้นลดการผูกขาดของรัฐวิสาหกิจ พร้อมผลักดันให้เอกชนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ใช้กลไกตลาดเป็นตัวเร่งและมีบทบาทสำคัญเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ แทนที่จะให้เป็นภาครัฐกำหนดเพียงฝ่ายเดียวเหมือนในอดีต ในกลุ่มสินค้าและบริการที่จำเป็น ทั้งไฟฟ้า การคมนาคม สื่อสาร พลังงาน รวมทั้งการเปิดเสรีดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ขยายตลาดทุนมากขึ้น การปฏิรูประบบภาษี ประกันสังคม สุขภาพ สาธารณสุข การศึกษา แรงงานด้านสังคมอื่นๆและด้านยุติธรรม
ข้อสรุปจากที่ประชุมฯดังกล่าว สอดรับกับการประกาศนโยบายและแผนพัฒนาที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ระบุไว้ตั้งแต่ครั้งรับตำแหน่งใหม่ ๆ ในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งครั้งนั้น หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกระบุถึงด้วยก็คือ การมุ่งเน้นปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น และการประหยัด ลดค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ
หน่วยงานภาครัฐของจีน สนองรับนโยบาย ปรากฎเป็นรูปธรรมหลายเรื่อง อาทิ การงดจัดงานเลี้ยงใหญ่โตของข้าราชการ ลดงบประมาณจัดซื้อของขวัญของชำร่วยในเทศกาลต่างๆ และการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ทุจริตคอรัปชั่นอย่างเฉียบขาดโดยเฉพาะนักการเมืองและผู้บริหารระดับสูงของประเทศ
ความเปลี่ยนแปลงอีกประการหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าหน่วยงานรัฐปรับตัวมีกระบวนการการเปิดรับข้อมูลข่าวสารจากประชาชน และ นั่นคือ การที่หน่วยงานภาคราชการต่างๆ ได้ใช้อินเตอร์เน็ตและสื่อใหม่ เป็นเครื่องมือสื่อสารกับพลเมืองจีนเพิ่มมากขึ้น (ไม่นับความคึกคักและการใช้สื่อใหม่อย่างแพร่หลายในภาคธุรกิจและประชาชนที่มีอยู่เดิมแล้ว)
เว็บไซต์กระทรวงตรวจสอบวินัยกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนรายงาน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2556ที่ผ่านมาว่า จนถึงขณะนี้หน่วยงานตรวจสอบวินัยพรรคฯ ระดับต่างๆ ของจีนได้เปิดบล็อกด้านการบริหารเกือบ 1,000 บล็อก โดยเปิดบล็อกกว่า 700 บล็อกในเว็บไซต์สำคัญของจีน อาทิ Sina หรือเรียกเป็นภาษาจีนว่า ซินล่างและ เว็ปไซต์ Tencent หรือ เถิงสวี้น นอกจากนี้ ยังเปิดบล็อกอีกกว่า 200 บล็อกในเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์เหรินหมิงและสำนักข่าวซินหวา ซึ่งเป็นสื่อหลักของรัฐบาลจีน
มีความเห็นจากชาวจีนที่ใช้อินเตอร์เนตว่า ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ บอกทิศทางของการบริหารงานหน่วยงานภาครัฐที่พยายามจะแสดงความโปร่งใสมากขึ้น ติดต่อกับประชาชนมากขึ้น อีกทั้งก่อนหน้านี้ หน่วยงานราชการต่างๆ ก็มีการประกาศและเชิญชวน ขอความร่วมมือจากประชาชนในการให้เบาะแส ข้อมูลที่เกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่น แจ้งให้ทางการทราบ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการจัดกับกับคนโกง ทุจริตประพฤติมิชอบด้วย
หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้าระบุว่า การเปิดโปงกรณีการกระทำผิดของบรรดาผู้นำและเจ้าหน้าที่รัฐในโลกออนไลน์ ได้กระตุ้นความสนใจของสาธารณชน และดึงดูดผู้คนในสังคมมาเข้าร่วมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นมากขึ้น
ช่วงระหว่างปี พ.ศ.2553 และปี พ.ศ.2555 พบว่า มีกรณีการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่า 156 คดี ที่ถูกนำมาเปิดโปงบนโลกไซเบอร์เป็นที่แรก โดยคดีหลักๆ จะเกี่ยวกับการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง 44 กรณี และการใช้อำนาจในทางที่ผิด 16 กรณี ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนทั่วไป ปรากฏเพียง 78 คดีเท่านั้น โดยมีกรณีการกระทำผิดวินัยร้ายแรง 29 คดี และกรณีการใช้อำนาจในทางที่ผิด 10 คดี ที่เผยแพร่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์ของจีน
ความสำเร็จของการเปิดโปงการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐผ่านโลกไซเบอร์รายล่าสุดนั้นคือ กรณีของหลิว เถี่ยหนัน อดีตรองประธานคณะกรรมการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติจีน โดยหลิวถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากผู้สื่อข่าวคนหนึ่งได้ใช้ไมโครบล็อคส่วนตัวเปิดโปงการทุจริตของนายหลิวเมื่อช่วงปลายปีก่อน
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยฯ เผยว่า กระบวนการเปิดโปงการกระทำผิดบนโลกออนไลน์นั้น ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล โดยปีที่ผ่านมา มีกรณีการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐเพียง 5 คดี ที่เมื่อถูกเปิดโปงบนโลกออนไลน์แล้วได้รับการตรวจสอบและลงโทษ ซึ่งเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยจากอีกกว่า 950 กรณีการทุจริตอื่นๆ
พลังของโลกออนไลน์ยังทำให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเหมาะสมต้องถูกตรวจสอบและลงโทษด้วย
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ชาวเน็ตจีนต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมสุดอื้อฉาวของเจ้าหน้าที่รัฐรายหนึ่ง หลังจากที่เขาขึ้นขี่หลังของชาวบ้าน ขณะออกตรวจสถานการณ์น้ำท่วม เพราะไม่อยากให้รองเท้าราคาแพงเปียกน้ำเสียหาย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมาที่เมืองอี๋ว์เหยา มณฑลเจ้อ
เจียง นายหวัง ผู้อำนวยการสำนักสิ่งปลูกสร้างประจำเขต ได้ขี่หลังชาวบ้านขณะเยี่ยมเยียนประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นฟิโทว์ที่พัดถล่มพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งเมื่อภาพปรากฏในไมโครบล็อกจีน ก็ทำให้ชาวเน็ตเกิดความไม่พอใจอย่างมาก และมีการกล่าวกันว่า นายหวังขี่หลังชาวบ้านเพราะไม่อยากให้รองเท้าราคาแพงของเขาเปื้อนหรือเสียหาย
ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่น ชี้แจงว่า ก่อนหน้านั้น นายหวังได้ถอดรองเท้าเพื่อจะเดินด้วยเท้าเปล่าเข้าเยี่ยมบ้านเหยื่อพายุไต้ฝุ่น แต่ชาวบ้านกลับเข้าไปเสนอขอแบกนายหวังขึ้นหลังด้วยความเต็มใจ แม้เขายืนกรานว่าจะเดินเท้าเปล่าด้วยตนเอง อย่างไรก็ดี หน่วยงานต้นสังกัดของรัฐบาลท้องถิ่นฯ ได้ตัดสินปลดนายหวังพ้นจากตำแหน่ง เพราะถือเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังตกอยู่ภายใต้สถานการณ์แห่งความทุกข์ยากและเดือดร้อน แม้ว่าชาวบ้านจะเสนอและเต็มใจที่จะแบกเขาก็ตาม
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา ศาลประชาชนสูงสุดจีนได้เปิดไมโครบล็อกทางการที่เว็บไซต์ Sina (微博@最高人民法院) และเปิดวีแชตทางการที่เว็บไซต์ Tencent โดยใช้ชื่อสาธารณะคือ 最高人民法院 หรือ ศาลประชาชนสูงสุด
สื่อใหม่เหล่านี้จะทำให้ศาลสูงสุดสามารถประกาศข้อมูลข่าวสารทั้งของศาลสูงสุดและศาลแขวงได้อย่างรวดเร็ว ทันเวลา เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการพิพากษาคดีสำคัญ คำชี้แจงทางนิติบัญญัติ และผลการดำเนินงานด้านต่างๆ ตอบรับเรื่องราวที่สังคมให้ความสนใจ เปิดช่องทางให้ประชาชนเข้าตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมได้มากขึ้น ถือเป็นก้าวใหม่ของกระบวนการยุติธรรรมของจีน
โสภิต หวังวิวัฒนา เรียบเรียง
(มีต่อตอนที่ 2)