สาเหตุที่พ่อแม่จีนส่งลูกไปเรียนต่างประเทศนอกจากเพื่อหนีการสอบเอ็นทรานซ์ ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดและทรมานมากสำหรับเด็กจีนที่ต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกว่า การศึกษาแบบจีนให้ความสำคัญกับคะแนนสอบอย่างเดียว วันๆ มีแต่ทำแบบฝึกหัดและข้อสอบซ้ำๆ ซากๆ เรียนวิชาหนักและลึกเกินควร สิ่งที่ควรเรียนรู้หลายอย่างกลับไม่สอน ขาดความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใส่ใจเอกลักษณ์ของเด็ก และยังมีบางคนไม่อยากให้ลูกใช้ชีวิตจำเจเหมือนตัวเอง ซึ่งสามารถมองเห็นบั้นปลายชีวิต โดยอยากให้ลูกมีโอกาสไปพบโลกภายนอก
เด็กหญิงซ่ง อวี่เฉินแรกๆ ไม่เคยคิดอยากไปเรียนที่ต่างประเทศเลย เธอเรียนเก่ง สอบได้ที่หนึ่งที่สองของชั้นเป็นประจำ แต่เนื่องจากพ่อแม่ไม่ยอมใช้เส้น จึงเสียโอกาสได้โควต้าเข้าโรงเรียนมัธยมปลายเกรดดี พ่อของเธอถึงแม้เป็นนักธุรกิจค่าตัวเกินร้อยล้าน แต่ไม่ชอบใช้เส้นสายกับครู และมั่นใจตลอดว่าตัวเองสามารถต่อสู้กับระบบคอร์รัปชันรอบตัวได้ แต่ที่ไหนได้ สิ่งที่ยากที่จะต่อสู้ได้คือสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหามลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่ซึ่งนับวันหนักขึ้น ทำให้เขาตัดสินใจส่งลูกไปเมืองนอก
ขณะซ่ง อวี่เฉินกลับบ้านช่วงปิดเทอมหลังจากเรียนในต่างประเทศ 1 ปี คุณพ่อเกือบจำลูกสาวไม่ได้เลย เพราะผิวคล้ำมาก ลูกสาวบอกพ่อว่าเพราะเล่นเทนนิสบ่อยๆ คุณพ่อ surpriseมาก เพราะก่อนไปเมืองนอก ลูกสาวไม่ชอบเล่นกีฬาเลย ตอนนี้เล่นได้หลายอย่าง เบสบอล ว่ายน้ำ ฟันดาบ ขี่ม้า ถึงแม้เป็นตัวสำรองของทีมเบสบอลประจำโรงเรียน แต่ทุกครั้งที่มีการแข่งขัน โค้ชก็จะให้เธอขึ้นไปเล่นพักหนึ่ง ไม่ว่าเล่นได้เก่งหรือไม่เก่ง โค้ชให้กำลังใจเสมอ ตอนอยู่ในประเทศ ซ่ง อวี่เฉินเกือบไม่มีงานอดิเรกที่เกิดจากความสนใจและความชอบจริงๆ มีอย่างเดียวคือเปียโน ซึ่งพ่อแม่บังคับให้เรียน
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวให้เข้ากับสังคมต่างประเทศ เป็นบททดสอบที่นักเรียนจีนทุกคนต้องผ่่าน ตอนแรกนักเรียนจีนชอบเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน ไม่ค่อยติดต่อพูดคุยกับเด็กอเมริกัน และเวลาเข้าเรียนไม่กล้ายกมือตอบคำถามของครู กลัวตอบผิด ตอนหลังจึงค่อยๆ กล้าขึ้นและมีสังคมกว้างขึ้น อีกวิธีหนึ่งคืออยู่กับครอบครัวชาวอเมริกัน กิน นอนและเล่นกับเด็กอเมริกัน ตอนปิดเทอมพาเพื่อนอเมริกันกลับมาเที่ยวเมืองจีนด้วย นักเรียนคนหนึ่งบ่นว่า กลับมาทานข้าวกับเพื่อนๆ ตอนเรียนด้วยกันในโรงเรียนจีน พวกเขาคุยแต่เรื่องคะแนนสอบ แต่สิ่งที่ตังเองคิดกลับเป็นเรื่องการเลือกตั้งประธานชมรมนักเรียนและปาร์ตี้โรงเรียน
นักสังเกตการณ์ประจำสหรัฐฯ ของสถานีวิทยุ CNR รายงานว่าเมื่อปีที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกวีซาให้กับนักเรียนจีนประมาณ 32,000 คน เพิ่มขึ้น 50 เท่าเมื่อเทียบกับ 8 ปีก่อน ตัวเลขจากสถาบันวิจัยการศึกษานานาชาติสหรัฐฯ แสดงว่า ปี 2013 โรงเรียนมัธยมปลายของสหรัฐฯ รับนักเรียนต่างชาติรวม 7,300 คน 1 ใน 3 เป็นนักเรียนจีน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่โรงเรียนเอกชน ปีหนึ่งค่าเรียนกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมประมาณ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนโรงเรียนรัฐรับแต่นักเรียนต่างชาติที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเท่านั้น ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี แต่ตอนนี้นับวันมีโรงเรียนรัฐมากขึ้นหาทางรับนักเรียนต่างชาติ เพื่อแก้ปัญหาทางการเงินของตน และเก็บค่าเล่าเรียนถูกกว่าโรงเรียนเอกชน