สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จีนกับสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยประกาศว่า จะเพิ่มความร่วมมือด้านพลังงานสะอาดและด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ นายเฮอร์มัน ฟาน รอมปุย ประธานคณะมนตรียุโรป นายฌอง-คล็อด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป นายโลร็องต์ ฟาบิอูส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ พร้อมผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการต่างๆ ชื่นชมแถลงการณ์ดังกล่าว
นาย บัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติออกคำแถลง โดยได้ชื่นชมแถลงการณ์ว่าด้วยการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศสภาพจีน-สหรัฐฯ เขากล่าวว่า แถลงการณ์ดังกล่าวสร้างคุณูปการสำคัญต่อการบรรลุข้อตกลงใหม่ของที่ประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกรุงปารีสในปี 2015 เขากล่าวว่า จีนกับสหรัฐฯ ได้แสดงออกซึ่งความสามารถด้านการชี้นำที่ทั่วโลกปรารถนา ด้านนายบัน คีมุนแสดงความยินดีต่อคำมั่นสัญญาของผู้นำสองประเทศที่จะเพิ่มกำลังเพื่อลดการระบายน้ำเสียและก๊าซไอเสีย พร้อมโครงการที่ผู้นำสองประเทศกำหนดด้วยกัน เขาเร่งให้ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศกลุ่มเศรษฐกิจสำคัญประกาศเป้าหมายลดการระบายก๊าซไอเสียในระยะหลังปี 2020 ช้าสุดภายในไตรมาสแรกของปี 2015
นายเฮอร์มัน ฟาน รอมปุย ประธานคณะมนตรียุโรป และนายฌอง-คล็อด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปออกแถลงการณ์ร่วมว่า สหภาพยุโรปยินดีต่อการที่ผู้นำจีนและสหรัฐฯ ประกาศปฏิบัติการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหลังปี 2020 โดยระบุว่า คณะกรรมธิการสหภาพยุโรปได้ผ่านกรอบนโยบายว่าด้วยภูมิอากาศและพลังงานปี 2030 ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน มีความหมายสำคัญยิ่งที่จะรักษาความตั้งใจที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมพยายามบรรลุข้อตกลงว่าด้วยการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่สามารถอาศัยได้และยั่งยืนในที่ประชุมเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศที่กรุงปารีส
นายโลร็องต์ ฟาบิอูส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสแถลงว่า การที่จีนกับสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหลังปี 2020 นั้นเป็นข่าวดี ข้อตกลงของทั้งสองประเทศสามารถส่งเสริมให้ประเทศต่างๆ ร่วมกันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ และสามารถทำให้ผู้คนมีท่าทีเชิงบวกต่อการประชุมเกี่ยวกับภูมิอากาศในอนาคต
In/Ldan