สารโภชนาการกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย(ตอนจบ)
  2014-12-30 15:17:19  cri

ความสัมพันธ์ระหว่างวิตามินกับสารโภชนาการ

รัฐบาลฟินแลนด์เคยทำการทดลองเกี่ยวกับสารวิตามินขนาดใหญ่ที่สุดของโลกซึ่งมีค่าใช้จ่าย 43,000,000 เหรียญสหรัฐ มีผู้เข้าร่วม 29,000 คน ระยะเวลาทดลองนาน 5 – 8 ปี โดยผู้เข้าร่วมการทดลองครั้งนี้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นผู้สูบบุหรี่ทั้งหมด ให้พวกเขาทานวิตามิน A และวิตามิน E ทุกวัน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งไม่ให้ทานวิตามินดังกล่าว เมื่อถึง 5 – 8 ปีให้หลัง สัดส่วนผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในกลุ่มแรก ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ทานวิตามิน A และ E เป็นประจำ สูงกว่ากลุ่มที่ไม่ทานวิตามินมากถึง 18%

ที่สำคัญกว่านี้ จำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจและผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจในกลุ่มคนที่ทานวิตามิน E เป็นสองเท่าตัวของกลุ่มคนที่ไม่ทานวิตามิน ผลวิจัยนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ที่ร่วมดำเนินการทดลองรู้สึกแปลกประหลาดใจมาก เพราะเป็นที่ทราบกันมานแล้วในวงการแพทย์ทั่วโลกว่า สารวิตามิน E มีส่วนช่วยให้หลอดเลือดไม่แข็งตัว และป้องกันโรคหัวใจได้ แต่การทดลองขนาดใหญ่ที่ดำเนินการอย่างจริงจังและละเอียดรอบคอบ กลับได้ข้อสรุปตรงกันข้าม

รายงานการวิจัยจากกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ระบุว่า สารวิตามิน C ที่อยู่ในส้มนั้น ถึงจะเป็นสารต้านออกซิเดชัน และสามารถป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งได้ แต่เมื่อวิตามิน C ถูกแยกออกจากตัวส้มแล้ว ก็จะสร้างอนุมูลอิสระนับร้อยล้านหน่วย กลับกลายเป็นตัวเสริมให้มนุษย์ป่วยเป็นโรคหัวใจและมะเร็งได้

ดร.เฉิน เจาเฟยมีความเห็นต่อการนี้ว่าสารวิตามิน C ในส้มเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ส่วนสารวิตามิน C ในยาเสริมวิตามินนั้น เป็นวิตามินที่มนุษยชาติผลิตขึ้นมา ซึ่งไม่มีทางดีกว่าของธรรมชาติ มนุษย์ไม่มีความสามารถที่จะผลิตส้มหรือมะเขือเทศออกมา จึงไม่รับทราบอย่างชัดเจนว่า ในส้มหรือมะเขือเทศมีสารโภชนาการอะไรบ้าง ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะประกาศต่อมวลชนว่า ยาเสริมวิตามินมีสารโภชนาการสูง เป็นอาหารเสริมที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ มีแต่อาหารธรรมชาติจึงสนองสารวิตามินที่ดีต่อสุขภาพของมนุษยชาติ

เพราะฉะนั้น กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ประสงค์จะกำหนดยาเสริมวิตามินทุกชนิดเป็นยาที่ต้องมีใบสั่งยาถึงจะหาซื้อได้ ไม่ให้มวลชนซื้อในตลาดได้สะดวก การรับสารวิตามินไม่ถูกต้องก่อเกิดผลข้างเคียงมากมาย เด็กอเมริกันกว่า 30,000 คนมีอาการเป็นพิษเพราะทานยาเสริมวิตามิน ผลวิจัยล่าสุดแสดงว่า สำหรับเด็กๆ รับสารวิตามินมากเกินจะส่งผลให้ธาตุเหล็กในโลหิตสูงขึ้น เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง ถ้ารับวิตามิน E มากไปอาจมีอาการข้อต่ออักเสบ ส่วนรับวิตามิน D เกินควรจะทำให้สมรรถนะของตับเสียหาย

ข้อสรุปสำคัญ

การฟื้นฟูระบบคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ผ่านเคมีบำบัดแล้ว ต้องการใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี แต่ถ้าให้รับประทานอาหารจากพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงให้ถูกหลักวิทยาศาสตร์ ระบบคุ้มกันของเขาสามารถใช้เวลาฟื้นฟูสมรรถภาพภายในเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น ผลวิจัยหลายชุดยืนยันแล้วว่า สมรรถนะระบบคุ้มกันในร่างกายเกี่ยวพันกับสารโภชนาการในพืชอย่างใกล้ชิด

สุขภาพที่แข็งแรงไม่สามารถได้มาภายในวันเดียว การป่วยโรคก็เหมือนกัน โดยเฉพาะการป่วยมะเร็งก็ใช่ว่าเรื่องง่ายๆ ต้องมีความผิดกว่า 100 ชนิดเกิดขึ้นก่อน เซลล์ธรรมดาถึงจะเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งได้ ชีวิตเราเป็นเสมือนต้นไม้ต้นเล็กๆ ต้องคอยดูแลเอาใจใส่อย่างละเอียดรอบคอบ จึงจะเติบโตอย่างงอกงาม ดร.เฉิน เจาเฟยให้ข้อเสนอ 3 ประการ

1)เกี่ยวกับสารโภชนาการ อาหารพืชอันหลากหลายครบสูตร ย่อมมีสารโภชนาการที่จำเป็น หากใครชอบทานผักและผลไม้สด และกินเนื้อสัตว์น้อย ก็จะมีสุขภาพแข็งแรง ดังนั้น ขณะนี้รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอให้ประชาชนทานเบอร์เกอร์เจ

2)รักษาสภาพอารมณ์จิตใจให้สงบนิ่งในทุกกรณี เพราะในเมื่อรู้สึกกัดดัน โมโหหรือตื่นเต้นมาก สมรรถนะของระบบคุ้มกันในร่างกายก็จะลดต่ำลงภายในเวลาครึ่งชั่วโมง

3)ออกกำลังกายให้เหมาะสมและพักผ่อนให้เต็มที่ การเล่นกีฬาอย่างดุเดือดรุนแรงมากจะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ร่างกายต้องการผักผ่อนให้เต็มที่ ตอนกลางคืนเป็นช่วงเวลาที่ศักยภาพการทำงานของระบบคุ้มกันสูงที่สุด

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040