วันที่ 20 ธันวาคม เป็นวันครบรอบ 16 ปีมาเก๊ากลับคืนสู่ปิตุภูมิ ปีนี้ มาเก๊ามีความสำคัญมากยิ่งขึ้นเนื่องจากถูกจัดเข้าสู่ยุทธศาสตร์ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ในสมัยโบราณ มาเก๊าเป็นจุดสำคัญของเส้นทางสายไหมทางทะเล ในกรอบ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" มาเก๊าจะมีการพัฒนาอย่างมากเพราะมีความได้เปรียบในอุตสาหกรรมหลายแขนง อาทิ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การจัดงานแสดง ตลอดจนการแพทย์แผนโบราณและยาสมุนไพรของจีน มาเก๊าที่ถูกจัดเข้าสู่ "อ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า" กำลังพยายามดำเนินความร่วมมือส่วนภูมิภาคกับภายนอก
เดือนธันวาคม ทั่วเมืองมาเก๊ายังมีดอกไม้บานอยู่ และโบสถ์เซนต์ปอล(Ruínas da Antiga Catedral de São Paulo )มีนักท่องเที่ยวอย่างหนาแน่น นางหยาง ถิงจากกรุงปักกิ่งกล่าวว่า
"โบสถ์เซนต์ปอลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปในการเดินทางไปมาเก๊า รู้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของมาเก๊า ดิฉันอยากเที่ยวตัวเมืองเก่าของมาเก๊าให้ทั่ว เพราะสนใจมาก"
สิ่งที่นางหยางถิงเห็นคือความได้เปรียบการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของมาเก๊า เมื่อปี 2005 เมืองเก่ามาเก๊าถูกจัดเข้าสู่รายชื่อมรดกโลกทางวัฒนธรรม รายงานของคณะมนตรีการท่องเที่ยวของโลกระบุว่า เมื่อปี 2014 รายได้จากการท่องเที่ยวของมาเก๊าเป็น 43.1% ของ GDP มาเก๊า การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมหลักที่มาเก๊าร่วมในยุทธศาสตร์ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง"
มาเก๊าหวังว่า ภายใต้กรอบ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" พยายามพัฒนามาเก๊าให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและพักผ่อนของโลก พร้อมทั้ง อุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมก็มีการพัฒนามากขึ้นทุกวัน นายชุย ซื่ออาน ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษมาเก๊ากล่าวว่า มาเก๊าจะมีส่วนร่วม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" เริ่มจากการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม เขากล่าวว่า
"รัฐบาลเขตบริหารพิเศษพิจารณาเห็นชอบในขึ้นต้นว่า มาเก๊าจะร่วม 'หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง'เริ่มจากการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม เพราะว่ามาเก๊าเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของโลก และถือวัฒนธรรมจีนเป็นหลัก ผสมผสานกับวัฒนธรรมหลากหลาย มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีเอกลักษณ์ของมาเก๊าเอง "
Yim/Lr