ประเทศจีนมีความกว้างใหญ่ไพศาล นอกจากภาษาถิ่นจะมากมี รสชาติอาหารก็มีความแตกต่างกันไปมากมายตามแต่ละท้องที่ด้วย โดยจำแนกออกเป็น 8 กลุ่ม(มณฑล)ใหญ่ ได้แก่ อาหารซานตง อาหารเสฉวน อาหารเจ้อเจียง อาหารเจียงซู อาหารฮกเกี้ยน อาหารกวางตุ้ง อาหารหูหนาน และอาหารอันฮุย แต่นอกจากกลุ่มใหญ่เหล่านี้แล้ว อาหารจีนยังสามารถแบ่งกลุ่มยิบย่อยลงไปได้อีกมาก เพราะแต่ละถิ่นแต่ละเมืองก็ยังมีความพิเศษในตัว อาทิ อาหารแต้จิ๋ว อาหารฮากกา อาหารปักกิ่ง อาหารเทียนจิน ดังนั้น นอกจาก 8 กลุ่มใหญ่ข้างต้นแล้ว อาหารเหอหนานก็มีความพิเศษในตัวไม่แพ้กัน ซึ่งเมื่อได้มาถึงเมืองลั่วหยางในมณฑลเหอหนานแล้ว อาหารจานเด่นของเมืองหลวงเก่าแห่งนี้ย่อมหนีไม่พ้น "อาหารจานน้ำ - สุ่ยสี (水席)"
"รังนกโบตั๋น" กลีบโบตั๋นสีเหลืองงามในภาพ ทำจากไข่แดง
วัตถุดิบที่ใช้นอกจากหัวไชเท้า ยังมีแครอท และแฮม เป็นต้น
"สุ่ยสี" เป็นชุดอาหารจัดเลี้ยงที่เป็นพวกน้ำแกงเป็นสำคัญ โดยต้นกำเนิดอยู่ที่ลั่วหยางมีประวัติความเป็นมากว่า 1,000 ปีแล้ว ตามธรรมเนียมแบบเต็มชุดจะประกอบด้วยอาหารจานเย็น 8 อย่างกับจานร้อนอีก 16 อย่าง รวม 24 อย่าง โดยจะทยอยเสิร์ฟขึ้นโต๊ะเรื่อยๆ ทีละจานประดุจสายน้ำที่ไหลรินไม่ขาดสาย และที่เกี่ยวพันกับน้ำเป็นสำคัญ เนื่องจากทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเมืองลั่วหยางมีภูเขาล้อมรอบ อยู่ในสภาพเหมือนแอ่งกระทะ ฝนตกน้อย สภาพอากาศจึงเป็นแบบเย็นและแห้ง ชาวบ้านจึงนิยมรับประทานอาหารจำพวกน้ำซุปน้ำแกง ที่ปรุงแบบมีรสเผ็ดและเปรี้ยวนิดๆ ซึ่งอาหารจานเด่นของ "สุ่ยสี" ต้องยกให้ "รังนกโบตั๋น(牡丹燕菜)" ที่พร้อมทั้งรูปและรส
"สุ่ยสี" หรืออาหารจานน้ำของลั่วหยาง มีต้นกำเนิดจากอาหารจานธรรมดาของชาวบ้าน แต่ที่วิจิตรสวยงามขึ้นมา เนื่องจากได้รับการประยุกต์จากพ่อครัวในวัง เล่าขานกันว่า ในสมัยจักรพรรดินีอู่เจ๋อเทียน มีอยู่ปีหนึ่ง ชาวบ้านเกิดขุดได้ไชเท้าหัวโตเป็นพิเศษหนักเกือบ 15 กิโลกรัมจึงนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย พ่อครัวหลวงได้นำหัวไชเท้าไปหั่นเป็นเส้นเล็กละเอียด แล้ววางใส่ในน้ำแกงที่ปรุงจากวัตถุดิบชั้นเลิศ รสชาติที่ได้จึงวิเศษสุดถูกพระทัยพระองค์ยิ่งนัก ถึงกับรับสั่งชมว่ารสล้ำราวกับกำลังเสวยรังนก จึงพระราชทานนามอาหารจานใหม่นี้ว่า "รังนกปลอม" และได้เรียกขานกันต่อมาว่า "รังนกลั่วหยาง"
ส่วนที่มาว่าทำไมจึงเปลี่ยนเป็นโบตั๋นแทนนั้น เนื่องจากว่าค.ศ.1973 นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหลได้นำนายกรัฐมนตรีแคนาดา ปิแอร์ ทรูโด (Pierre Trudeau)เที่ยวชมเมืองลั่วหยาง ชาวเมืองจึงจัด "สุ่ยสี" ต้อนรับอย่างเต็มที่ โดยจานเด็ดอย่าง "รังนกลั่วหยาง" ในตอนนั้นได้เพิ่มความพิเศษด้วยการประดับดอกโบตั๋นไว้ด้วย นายกโจวเอินไหลเห็นแล้วอดที่จะเอ่ยชมไม่ได้ว่า "โบตั๋นลั่วหยางหนึ่งในหล้า แม้แต่อาหารก็มีโบตั๋นงามปรากฏให้เห็นด้วย" นับแต่นั้นมา "รังนกลั่วหยาง" จึงได้ชื่อใหม่เป็น "รังนกโบตั๋น"
ชุดอาหารจัดเลี้ยง "สุ่ยสี" แต่ละจานมีความพิถีพิถันในการปรุงและตกแต่งสวยงาม มีทั้งผักและเนื้อให้เลือกทาน ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ หรือสัตว์ปีก ดังนั้น หากมาถึงลั่วหยางแล้วอย่าลืมถามหาความประทับใจสุดพิเศษนี้กันดู
แวะพักทักลั่วหยาง โดย วังฟ้า 羅勇府
"เงินทองไหลมาเทมา" เมื่อประธานในโต๊ะใช้ช้อนเคาะที่ด้านบนตรงกลางเพื่อเปิดพิธี(ช่อง)แล้ว
เจ้าลูกทรงกลม(ข้างในกลวง)สีทองอร่ามที่มีงาประดับรอบๆ นี้
ก็จะกลายเป็นของทานเล่นแผ่นๆ ที่อร่อยปากทั้งเด็กและผู้ใหญ่