ระหว่างแถลงผลการดำเนินงาน รองนายกรัฐมนตรีหลายคนเอ่ยถึงคำว่า"ประเทศที่ประสบความล้มเหลว"โดยแสดงความไม่พอใจต่อสื่อมวลชนตะวันตกที่วิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยด้วยคำดังกล่าว แต่ก็ยอมรับว่าความไม่มั่นคงทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของประเทศ
ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายกล่าวว่า เมื่อ 2 ปีก่อน สำนักนายกรัฐมนตรีที่จัดประชุมในขณะนี้ยังเปิดทำการไม่ได้ การเมืองไม่มั่นคง สภาถูกยุบ เจ้าหน้าที่รัฐบาลไม่มีความไว้วางใจต่อกัน ประชาชนไม่เคารพกฎหมายและไม่เชื่อว่ารัฐบาลสามารถปกป้องประชาชนได้ ระหว่างปี 2008-2014 ได้ประกาศใช้กฎระเบียบใหม่ 120 ฉบับ เฉลี่ยแล้วปีหนึ่งมีเพียงประมาณ 20 ฉบับเท่านั้น แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ประกาศใช้กฎระเบียบใหม่รวม 187 ฉบับ ทำให้ทุกเรื่องมีกฎหมายอ้างอิง ยกตัวอย่างเช่น ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอุ้มบุญ ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่สาวๆ ที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร นอกจากนี้ ยังได้แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายหนี้สินและกฎหมายสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาด้วย เขาย้ำว่า รัฐบาลในปัจจุบันคืนศักดิ์ศรีให้กับกฎหมายและสร้างความเที่ยงธรรมแก่สังคม
ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐบมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจและการต่างประเทศได้ชี้แจงความจำเป็นที่จะดำเนินการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน โดยเห็นว่า สิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานของไทยยังคงล้าหลังมาก ระดับการศึกษาลดลง ปัญหาความไม่เสมอภาคทางสังคมนับวันหนักขึ้น การปฏิรูปเศรษฐกิจไม่เพียงพอ ดังนั้น ต้องดำเนินการปฏิรูปในระดับที่ลงลึกมากขึ้น
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีระบุว่า ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาและการท้าทายต่างๆ เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานล้าหลัง ความเหลื่อมล้ำของสังคม ประชาชนแบกรับหนี้สินหนัก ขาดแคลนบุคลากรคุณภาพสูง และปัญหาความมั่นคง โดยย้ำว่ายุทธศาสตร์ 4.0 เกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ สอดคล้องกับรูปแบบและทิศทางใหม่ของการพัฒนาประเทศ โดยส่งเสริมการสร้างสรรค์และเน้นพัฒนาเทคโนโลยี ตั้งเป้าหมายจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการเพาะปลูกของการเกษตรดั้งเดิมให้เป็นการเกษตรในรูปแบบอัจฉริยะ รวมถึงการยกระดับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและธุรกิจการบริการ