สถิติเว็บไซด์ถูหนิวเผยว่า ในรอบปีที่ผ่านมา 5 อันดับประเทศที่ชาวจีนนิยมไปทัศนศึกษามากที่สุด ได้แก่ สหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย ส่วนปีนี้ที่เป็น "ปีแห่งการท่องเที่ยวจีน-ออสเตรเลีย" คาดว่าช่วงปีเทอมฤดูร้อน จำนวนคนที่ไปทัศนศึกษาที่ออสเตรเลียคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ แคนาดา ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ เป็นต้น นับวันได้รับความสนใจจากนักทัศนศึกษาชาวจีนมากยิ่งขึ้น
ด้านระยะเวลาในการไปทัศนศึกษา 30% เลือก 1-2 สัปดาห์ 45% เลือก 2-4 สัปดาห์ และ 20% เลือกนานกว่า 4 สัปดาห์ ระยะ 2-4 สัปดาห์นับช่วงที่มีผู้เลือกมากที่สุด คงเป็นเพราะใช้เวลาช่วงปิดเทอมก็พอ จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียน
ระยะเวลาเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดโปรแกรมการทัศนศึกษา เนื่องจากเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ซึ่งมีวันหยุดเพียงพอ 70% จึงนิยมไปทัศนศึกษาในสองเดือนนี้ และส่วนใหญ่นิยมไปยุโรปและสหรัฐฯ ส่วนช่วงปิดเทอมฤดูหนาวคือเดือนมกราคม ซึ่งมีวันหยุดสั้นกว่า คนที่เลือกไปทัศนศึกษาในช่วงนี้มีเพียง 30% และส่วนใหญ่นิยมไปประเทศที่อากาศอบอุ่นในซีกโลกใต้
ด้านค่าใช้จ่ายในการทัศนศึกษาต่างประเทศ 47% ของครอบครัวยอมเสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน 20,000-30,000 หยวน 37% ยอมเสียค่าใช้จ่ายต่ำกว่า 20,000 หยวน และ 16% ยอมเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่า 30,000 หยวน ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ในด้านค่าใช้จ่ายของการทัศนศึกษาต่างประเทศ พ่อแม่ส่วนใหญ่ค่อนข้างมีสติ ไม่ได้มุ่งที่การไปทัศนศึกษาที่ถูกมากหรือแพงเกินไป
สถิติยังระบุว่า คนในเมืองใหญ่พิเศษ ซึ่งมีระดับการพัฒนาสูง โดยเฉพาะกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และนครกว่างโจว เป็นต้น นิยมไปทัศนศึกษาต่างประเทศมากที่สุด นอกจากนี้ คนในเมืองหางโจว เฉิงตู หนานจิง เทียนสิน และฉงชิ่ง เป็นต้น ต่างก็สนใจไปทัศนศึกษาต่างประเทศไม่น้อย
ขณะที่แนวคิดและรูปแบบการบริโภคของชาวจีนเปลี่ยนแปลงไป นับวันมีผู้ที่ไม่พอใจกับความต้องการทางวัตถุอย่างเดียวเพิ่มมากขึ้น พวกเขาหวังจะพัฒนาจิตใจลูกหลานมากขึ้น จึงทำให้การไปทัศนศึกษาต่างประเทศของคนจีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในอนาคต รายการทัศนศึกษาย่อมจะมีความหลากหลายยิ่งขึ้นเพื่อสนองความต้องการของคนทุกระดับ