การหันมาใช้ระบบออนไลน์ชำระค่าสินค้าบริการเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ทุกวันนี้เมืองหลวงของจีนอย่างกรุงปักกิ่งกลายมาเป็นผู้นำเมืองสังคมไร้เงินสดของจีนได้อย่างไม่ต้องสงสัย มองอีกนัยก็หมายความว่าประชาชนกว่า 21 ล้านคนที่กำลังอาศัยอยู่ในมหานครแห่งนี้มีส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนให้เกิดสังคมไร้เงินสดไม่น้อยไปกว่าการผลักดันของภาครัฐและเอกชน
กรุงปักกิ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน Smartest city ร่วมกับเสินเจิ้น กวางโจว และเซี่ยงไฮ้ นับตั้งแต่ที่ภาคธุรกิจได้นำระบบออนไลน์เข้ามาใช้ในทำธุรกรรมทางการเงินครับ ที่ได้ชื่อนี้มาก็ไม่ใช่ให้ไก่กาที่ไหนมาตั้งให้ แต่เป็นผลจากการร่วมแรงศึกษาวิจัยโดยมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาคเอกชนหลาย ๆ โพลรวมกัน อย่างเช่นของมหาวิทยาลัยเหรินหมิน LPSOS และเท็นเซนต์ ที่เขาได้ไปสอบถามผู้อยู่อาศัยถึง 6500 คนใน 324 เมืองในจีนเพื่อจัดอันดับว่าเมืองไหนเข้าใกล้คำว่าสังคมไร้เงินสดมากที่สุด ซึ่งปักกิ่งก็ยังคงขึ้นแท่นเป็นอันดับต้น ๆ เช่นเดิม ไม่ว่าจะซื้อตั๋วหนังยันตั๋วเข้าวังต้องห้าม แค่มีมือถือสักเครื่องก็มากเกินพอแล้ว
การออกมาประกาศของธนาคารแห่งประเทศจีนก็เป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงที่ช่วยยืนยันความเป็นสังคมไร้เงินสดได้ดีอีกเช่นกัน โดยระบุว่าการใช้จ่ายผ่านมือถือของชาวจีนในปีที่ผ่านมามีสูงถึงกว่า 157 ล้านล้านหยวนหรือมากกว่า 200 เท่าของการใช้จ่ายผ่านมือถือของชาวสหรัฐฯ ก็คงต้องยอมรับจริง ๆ ครับว่านอกจากจีนจะเป็นประเทศแรกในโลกที่มีธนบัตรแล้ว ยังอาจจะเป็นประเทศแรกในโลกที่เลิกใช้ธนบัตรด้วย
หาก 4 สุดยอดสิ่งประดิษฐ์ของจีนในอดีตคือเข็มทิศ กระดาษ ดินปืน และการพิมพ์ การจะบอกว่า 4 สุดยอดนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ของจีนในยุคปัจจุบันคือระบบการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ รถไฟความเร็วสูง จักรยานสาธารณะให้เช่า และการให้บริการสัญญาณ 4จีที่ครอบคลุมทั่วประเทศก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะทั้งหมดต่างเข้ามามีบทบาทและเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของชาวจีนปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด แหละนวัตกรรมทั้งสี่ก็กำลังแผ่ขยายเข้ามามีบทบาททั่วโลกมากยิ่งขึ้น คงต้องติดตามกันต่อไปนะครับว่าประเทศนี้เขาจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์เราได้อีก