ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของจีนถือได้ว่าพัฒนาไปอย่างมากในช่วงหลายปีมานี้ สินค้าที่มีการซื้อขายกันออนไลน์ก็มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นไปด้วย จึงกล่าวได้ว่า มีแต่สินค้าที่คุณคาดไม่ถึงว่าจะมีขาย ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีสินค้าอะไรที่จะสั่งซื้อมาไม่ได้ เว้นแต่มีข้อแม้ว่า สินค้าที่ขายแบบออนไลน์นั้นจะต้องถูกด้วยกฎหมาย วันนี้ เราจะมาดูกันว่า ในเว็บไซต์ขายสินค้ายอดนิยมของประเทศจีนอย่างเถาเป่า มีสินค้าอะไรแปลก ๆ ที่น่าสนใจกันบ้าง
1. ไม้เซลฟี่
คุณอาจจะคิดว่า ไม้เซลฟี่ เป็นของธรรมดาที่หาซื้อง่ายทั่วไป และไม่มีอะไรน่าแปลก แต่ไม้เซลฟี่ของจีนได้พัฒนาไปสู่รุ่นที่ 6 แล้ว ภาพของไม้เซลฟี่ที่อยู่ในหัวของคุณ อาจจะตกรุ่นไปนานแล้วก็ได้ เรามาดูว่าการพัฒนาการของไม้เซลฟี่ในจีนนั้นเป็นอย่างไร
ไม้เซลฟี่รุ่นแรก - ออกมาเมื่อปี 2009 เป็นแค่ไม้อย่างเดียว ไม่มีฟังก์ชันพิเศษใด ๆ รุ่นที่ 2 - ออกมาเมื่อปี 2011 เพิ่มกระจกด้วย รุ่นที่ 3 - ออกมาเมื่อปี 2014 มีฟังก์ชันปุ่มถ่ายภาพที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ด้วยสัญญาณลูทูธ รุ่นที่ 4 ออกมาปลายปี 2014 ได้เพิ่มฟังก์ชันให้สามารถชาร์ตแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือไปด้วยในใช้งาน รุ่นที่ 5 - ออกมาเมื่อปี 2015 เพิ่มฟังก์ชั่นแสงไฟ และรุ่นที่ 6 ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นล่าสุด – ได้เพิ่มฟังก์ชั่นเป่าลมด้วย ซึ่งสามารถทำให้เส้นผมของผู้ใช้ปลิวไปตามสายลมอย่างเป็นธรรมชาติได้
สาว ๆ ในอินเทอร์เน็ตน่าจะอัพเกรดซื้อรุ่นล่าสุดไปใช้กันหมดแล้วก็ได้ ส่วนไม้เซลฟี่ของตัวดิฉันยังเป็นรุ่นที่ 3 อยู่เลย ตกรุ่นไปสามสี่ปีแล้ว ส่วนของคุณเป็นรุ่นไหนคะ
2. เครื่องสำอางสำหรับมือใหม่
เมื่อปีที่แล้ว ในอินเตอร์เน็ตจีนมีประเด็นร้อนประเด็นหนึ่ง เมื่อสาว ๆ ที่เกิดหลังปี 2000 พากันโชว์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และ เครื่องสำอางของตัวเอง ซึ่งหลาย ๆ คนใช้สินค้าที่มีความหลากหลาย และ หรูหรา จนทำให้ชาวเน็ต โดยเฉพาะสาว ๆ ที่เกิดในทศวรรษที่ 1990 และ 1980 ซึ่งส่วนใหญ่เรียนจบ และ ทำงานแล้วต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าตัวเองมีเครื่องสำอาง หรือ มีฝีมือการแต่งหน้าสู้กับเด็ก ๆ เหล่านี้ไม่ได้ ทั้งนี้ ก็แสดงให้เห็นอีกเรื่องหนึ่งว่า สาวจีนที่มักจะแต่งหน้า หรือ เน้นภาพลักษณ์ของตนนั้นมีอายุน้อยลง และ มีจำนวนมากขึ้น แต่สำหรับคนที่ไม่ถนัดแต่งหน้า เป็นมือใหม่ หรือ ไม่ก็คนขี้เกียจแล้ว มีอุปกรณ์บางอย่างที่สามารถช่วยได้ อย่างเช่น "ตราประทับคิ้ว" ซึ่งมีรูปทรงของคิ้วมากมาย เช่นเดียวกับสีที่มีให้เลือกได้หลายหลาก สถิติจากเว็บไซต์เถาเป่า ระบุว่า ในปีที่แล้ว ตราประทับคิวขายไปได้กว่า 7.16 ล้านชิ้น นอกจากนี้ อุปกรณ์อย่างอื่นในประเภทนี้ยังมี สติกเกอร์ช่วยทาสีเล็บ ที่กันมาสคาร่าเปื้อนเปลือกตา และสติกเกอร์ช่วยวาดทรงคิว และอื่น ๆ
3. คอร์สออนไลน์ประเภทต่างๆ
จีนมีคำสุภาษิตว่า "ชีวิตจบลงที่ไหน การเรียนจึงหยุดลงตามที่นั่น" เพราะฉะนั้น อย่าเข้าใจผิดว่า วัยรุ่นจีนมัวแต่แต่งหน้า ถ่ายภาพเซลฟี่เพียงอย่างเดียว อันที่จริงแล้ว ในหมู่กลุ่มวัยรุ่นจีนเองก็มีกระแสการเรียนรู้เพิ่มพูนทักษะต่าง ๆ อย่างมากมาโดยตลอด ซึ่งในสมัยก่อนนั้น บุคคลที่มีความสามารถจะมาแบ่งปันประสบการณ์ หรือ สอนทักษะต่าง ๆ ของตัวเองในอินเทอร์เน็ต แต่ในปัจจุบัน มีมืออาชีพสร้างคอร์สเรียนผ่านอินเทอร์เนตที่มีหลากหลาย จากสถิติปรากฏว่า ในรอบปี 2017 ที่ผ่านมา มูลค่าการจำหน่ายคอร์สเรียนต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์เถาเป่ามีถึง 3,200 ล้านหยวน ขณะที่สินค้าขายดีมากที่สุดในปีที่แล้ว คือ หลักสูตรการฝึกพูดภาษาต่างประเทศกับชาวต่างชาติ ซึ่งได้มีการจำหน่ายไปทั้งหมด 3.23 ล้านครั้ง นอกจากนี้ คอร์สการเรียนวิธีทำชานม คอร์สการเรียนวิธีใช้ซอฟแวร์ Photoshop คอร์สการป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์ และ คอร์สการเรียนวิธีทำแพนเค้กสไตล์จีน หรือเจียนปิ่ง ต่างก็มียอดการสั่งซื้อจำนวนมากเป็นพิเศษตามลำดับ ส่วนคอร์สที่กล่าวได้ว่าได้รับความสนใจน้อยที่สุด น่าจะเป็นคอร์สเรียนภาษาสวาฮีลี ที่ขายออกไปได้เพียงแค่ 30 ครั้ง
นอกจากการซื้อคอร์สเรียนผ่านเว็บไซต์เถาเป่าแล้ว คอร์สการเรียนออนไลน์ในที่อื่น ๆ ก็ขายดิบขายดีไม่แพ้กัน อย่างเช่น คอร์สการเรียนถ่ายภาพผ่านวีแชต คำบรรยายให้ความรู้ด้านอุตสาหกรรม ไปจนถึงการสอนทักษะการทำงานต่าง ๆ ผ่านวีแชต นอกจากนี้ การเรียนภาษาอังกฤษในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านวีแชต หรือ แอพลิเคชันสำหรับการเรียนแบบออนไลน์โดยเฉพาะ สามารถให้ความรู้แก่ผู้เรียนได้อย่างหลากหลาย ทั้งในด้านศิลปะ ปรัชญา เศรษฐศาสตร์ จิตวิทยา ไปจนถึงการปรุงอาหาร เป็นต้น
ส่วนแพนเค้กสไตล์จีน หรือ เจียนปิ่งที่ได้กล่าวถึงไปนั้น เป็นขนมดั้งเดิมของนครเทียนจินของจีน ชาวเทียนจินมักนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า นอกจากนี้ ยังเป็นที่นิยมอย่างมากในกรุงปักกิ่งอีกด้วย ถือเป็นอาหารอร่อยริมถนนที่กินง่าย และครองใจคนจีน
อันที่จริง คอร์สการสอนทำเจียนปิ่ง เริ่มขายดีเป็นพิเศษตั้งแต่ช่วงหลายปีก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนสาเหตุนั้น นอกจากมาจากความอร่อย และ ความนิยมของอาหารชนิดดังกล่าวที่กระจายไปอย่างแพร่หลาย จนทำให้สามารถเปิดร้านได้โดยไม่ยากเย็นนักแล้ว ยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง คือ เมื่อหลายปีก่อน เคยมีข่าวดังที่ว่า มีนักศึกษาชาวปักกิ่งที่เรียนหนังสือในสหรัฐฯ เปิดร้านขายเจียนปิ่งในซานฟรานซิสโก และ ได้รับความนิยมอย่างมาก จึงค่อย ๆ ขยายสาขาไปยังซีแอตเทิล แมนฮัตตัน วอชิงตัน โคลัมเบีย และ ที่อื่น ๆ โดยร้านแห่งนี้ ขายได้วันละกว่า 150 ชิ้น ในขณะที่ราคาสูงกว่าในกรุงปักกิ่งเกือบ 10 เท่าตัว สำหรับรสชาติก็มีการปรับปรุงตามความชอบของชาวอเมริกัน ต่อมาไม่นาน มีหนุ่มชาวอมริกันคนหนึ่งที่มาเรียนหนังสือที่จีน และ หลงรักรสชาติของเจียนปิ่ง จึงได้เรียนวิธีการทำ และกลับไปเปิดร้านในนิวยอร์ก จนขายดิบขายดีได้เป็นหลายร้อยชิ้นต่อวัน จากนั้นจึงตั้งเป็นบริษัทขึ้น โดยทางบริษัทของเขาได้เชิญพ่อครัวจากกรุงปักกิ่งมาฝึกอบรมพ่อครัวของบริษัทฯ ที่สหรัฐฯ เพื่อให้ได้รสชาติแบบดั้งเดิม ที่ครองใจ และ อิ่มท้องชาวอมริกัน ไม่แพ้กับที่มีขายในร้านอาหารของชาวจีน ส่วนราคาของเจียนปิ่งนั้น ขายอยู่ที่ 15 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะราคาเจียนปิ่งส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ในจีนนั้น เมื่อเทียบกันแล้ว ราคาจะไม่เกิน 1 ดอลลาร์
สินค้าที่แนะนำมาในวันนี้ คุณเคยได้ยินกันมาบ้างหรือไม่ เคยซื้อบ้างไหม หากคุณรู้สึกสินค้าเหล่านี้ยังไม่สมชื่อกับ "การคาดคิดไม่ถึง" ว่าสินค้าแบบนี้จะมีขายด้วย โอกาสหน้าเราจะมาแนะนำสินค้าอย่างอื่นมาให้ได้แปลกใจกันอีก
Tim/Ldan