เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีข่าวว่า "เสี่ยวหมี่" เตรียมจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ก็คือเตรียมจะขายหุ้นไอพีโอ (IPO) ที่ฮ่องกง ไอพีโอก็คือการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ซึ่งหมายความว่า เสี่ยวหมี่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของจีน ตัดสินใจว่าจะออกหลักทรัพย์เสนอขายแก่ประชาชน โดยคาดว่าจะเป็นการขายหุ้นไอพีโอครั้งใหญ่ที่สุดของโลกในรอบเกือบ 4 ปี นับตั้งแต่อาลีบาบากรุ๊ปเคยทำได้ 21,800 ล้านดอลลาร์ (675,800 ล้านบาท) ในปี 2014 มีการคาดการณ์ว่า เสี่ยวหมี่จะระดมทุนได้อย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 310,000 ล้านบาท และจะทำให้มูลค่าทางธุรกิจของเสี่ยวหมี่อยู่ในระดับสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ กลายเป็นการทำไอพีโอครั้งใหญ่สุดของบริษัทเทคโนโลยีจีน

เสี่ยวหมี่ ระบุในเอกสาร IPO ว่า ทางบริษัทไม่ได้เป็นแค่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ แต่เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ ๆ ก่อนหน้านี้ เสี่ยวหมี่เคยเปิดเผยว่า บริษัทมียอดขาดทุนสุทธิในปีงบการเงิน 2017 ทั้งสิ้น 4.39 หมื่นล้านหยวน (6.9 พันล้านดอลลาร์) หรือคิดเป็นเงินไทย 219,500,000 ล้านบาท โดย 70% มาจากยอดขายสมาร์ทโฟน ท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงจากคู่แข่งสำคัญ คือ หัวเหว่ย (Huawei) และ ออพโป้ (Oppo)

จริง ๆ แล้ว บริษัทสมาร์ทโฟนเสี่ยวหมี่กำลังขึ้นแท่นครองตลาดจีน ชนะสมาร์ทโฟนต่างชาติทั้งแอปเปิลและซัมซุงรวมทั้งเตรียมแผนการใหญ่บุกตลาดโลก ในไตรมาสแรกปี 2018 ยอดขายเสี่ยวหมี่แซงหน้าออปโป้ ขึ้นเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ซึ่งขายได้จำนวน 28.3 ล้านเครื่องในไตรมาสแรกของปีนี้ แซงหน้าออปโป้ ขึ้นมาเป็นสมาร์ทโฟนที่มียอดขายและส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 4 โดยออปโป้ตกลงไปอยู่ที่อันดับ 5 แทน ส่วนอันดับ 1 เป็นของซัมซุง อันดับ 2 เป็นของแอปเปิล และอันดับ 3 เป็นของหัวเหว่ย และมีข่าวว่า ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ เสี่ยวหมี่จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่น Mi7 ซึ่งเป็นแฟล็กชิพรุ่นใหม่ล่าสุดของเสี่ยวหมี่ ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะทำให้ยอดขายของเสี่ยวหมี่พุ่งสูงขึ้นอีกในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้

ความสำเร็จในปัจจุบันของเสี่ยวหมี ต้องขอบคุณเหลยจุน ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอเสี่ยวหมี่ ซึ่งเขาได้รับชื่อเล่นจากแฟนจีนว่า "เหลย ปู้ซือ" เพราะสตีฟ จ็อบส์ชื่อภาษาจีนชื่อว่า เฉียวปู้ซือ ให้ชื่อเขา"เหลย ปู้ซือ"ก็หมายความว่า แฟนจีนถือเขาเป็น "สตีฟ จ็อบส์เมืองจีน"

เหลยจุนเป็นนักเรียนที่ดีตั้งแต่เด็ก เขาได้คะแนนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสูงกว่ามหาวิทยาลัยซิงหัวและมหาวิทยาลัยปักกิ่ง แต่เขากลับตัดสินใจไปเรียนที่ภาควิชาคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยหวู่ฮั่น สมัยเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เหลยจุนก็กลายเป็นตำนานเพราะเขาใช้เวลา 2 ปี เรียนวิชามหาวิทยาลัย 4 ปีของเขาทั้งหมดให้เสร็จ ได้รับทุนการศึกษาเกือบทุกประเภทของมหาวิทยาลัย และในภาควิชาคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยหวู่ฮั่น มีวิชาการเขียนโปรแกรม เหลยจุนได้คะแนนเต็มในวิชานี้ ซึ่งนอกจากเขา ก็มีนักศึกษาอีกแค่ 1 คนที่เคยได้คะแนนเต็มในรอบ 20 ปี อาจารย์ของเหลยจุนชอบโปรแกรมที่เขาเขียน จนนำไปบรรจุอยู่ในตำรา

เมื่อปี 1992 เหลยจุนทำงานกับ Kingsoft บริษัทซอฟต์แวร์รายหนึ่งของจีน เขาเป็นพนักงานที่ถือว่าทุ่มเทมากทำงานวันละ 16 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด จนปี 1998 หรือ 6 ปีหลังจากนั้น เขากลายเป็นซีอีโอของ Kingsoft จากอายุ 22 จนอายุ 38 เหลยจุนทำงานใน Kingsoft นานเป็นเวลา 16 ปี ในระยะเวลานี้ ได้ช่วย Kingsoft ขายหุ้น IPO ให้สำเร็จ แถมยังเป็นที่โปรดปรานของบรรดานักลงทุน ลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพหลายแห่ง เช่นเว็บไซต์พอร์ทัลไอทีและดาวน์โหลดโปรแกรมนามว่า Joyo.com และในปี 2004 ก็ถูก Amazon ซื้อไปเป็น Amazon China จนปี 2007 เหลยจุนอายุ 30 ปีในเวลานั้น ด้วยความที่เป็นคนลุย ๆ ไม่ย่อท้อ มีความฝัน และทำฝันได้เป็นจริง พูดได้ว่าในช่วงวัย 30 ปีของเขา เขาก็ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว แต่เหลยจุนรู้สึกยังไม่พอใจ อยากเริ่มต้นธุรกิจใหม่ เขาพูดความตั้งใจออกมาในตอนนั้นว่า "ผมต้องไปลองดูว่า จะสามารถก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกได้หรือไม่ อยากทำเรื่องที่นำความสุขให้แก่ชาวโลก "

เมื่อเดือนเมษายนปี 2010 เหลยจุนเริ่มก่อตั้งเสี่ยวหมี่ ตอนเริ่ม เสี่ยวหมี่ยังไม่ได้ทำฮาร์ดแวร์ของตัวเอง แต่เริ่มจากเป็นทีมทำรอมแบบ after market ให้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ในนาม MIUI (อ่านว่า "Me You I") ปัจจุบันรอมตัวนี้ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อใช้งานกับสมาร์ทโฟนของตัวเอง และใช้กับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ แล้วกว่า 200 รุ่น จุดเด่นของรอม MIUI น่าจะอยู่ที่ความเรียบง่ายและสวยงามต่อเติมจากฟังก์ชั่นพื้นฐานของระบบแอนดรอยด์ทั่วไป

Bo/Patt