และแน่นอนว่าหมู่บ้านหัวซีก็ได้ใช้ประโยชน์จากการสัญจรที่แสนสะดวกสบายนี้นำพาสินค้าและชื่อเสียงของตนออกไปให้ทั่วโลกรู้จักเช่นกัน

ความสำเร็จของหมู่บ้านหัวซีนั้น ไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลยจากวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและการทุ่มเทกำลังในการทำงานของ "อู๋ เหรินเป่า" ผู้ที่นำพาหมู่บ้านเกษตรกรรมธรรมดาแห่งหนึ่งที่มีขนาดเพียง 0.96 ตารางกิโลเมตร ให้กลายเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจสังคมนิยมแบบใหม่ที่มียอดมูลค่าการลงทุนนับหลายร้อยล้านหยวน และกลายเป็นหมู่บ้านตัวอย่างของประเทศจีนจากนโยบายหลักที่ว่า "หนึ่งหมู่บ้าน สองระบบ" และ "แยกกันหนึ่งส่วน รวมกันห้าส่วน" ของ "อู๋ เหรินเป่า"

นโยบายอันนี้เป็นผลจากการตีความและปรับปรุงมาจากนโยบายหลักของรัฐบาลกลาง แต่ปรับปรุงให้โดดเด่นขึ้นและเข้ากับขนาดของหมู่บ้าน จำนวนประชากร และวัฒนธรรมของชาวหัวซี ซึ่งทำให้หมู่บ้านแห่งสังคมนิยมรูปแบบใหม่นี้ได้รับการชื่นชมจากประธานาธิบดีหู จิ่นเทา อย่างสูงว่า "จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาการผสมผสานกันอย่างลงตัวของการพัฒนาหมู่บ้านแบบใหม่ที่เดินในแนวทางแห่งสังคมนิยม ที่เต็มไปด้วยลักษณะแห่งความเป็นคอมมิวนิสต์และการทำให้ทราบโดยทั่วกันถึงการพัฒนาชนบทตามหลักการสังคมนิยมแบบใหม่ สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ทุกคนในมณฑลนี้ (เจียงซู) โดยเฉพาะแกนนำทุกคนควรเรียนรู้จากสหายอู๋ เหรินเป่า ซึ่งบำเพ็ญตนเป็นแบบอย่างที่สำคัญ 3 ประการ ที่เต็มไปด้วยการพัฒนาตามหลักวิทยาศาสตร์ ห่วงใยและแสวงหาผลประโยชน์มาสู่ประชาชน เป็นผู้นำการพัฒนาและได้รับผลสำเร็จอย่างสูง เราต้องมุ่งมองไปสู่การพัฒนาสู่ความเป็นสมัยใหม่ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องห่วงใยในความทุกข์ยากของประชาชนเช่นเดียวกับที่เขาได้ทำมา สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ทุกคนในมณฑลนี้ต้องเอาแบบอย่างอู๋ เหรินเป่าอย่างจริงจัง นำพาประชาชนด้วยความคิดที่ก้าวหน้าและลงมือทำอย่างสุดกำลัง สร้างประโยชน์ให้เกิดแก่ประชาชนอย่างเต็มที่ และชูธงแห่งพรรคคอมมิวนิสต์"

อู๋ เหรินเป่า เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มานานกว่า 50 ปี ก่อนที่จะมีการตั้งหมู่บ้านหัวซีขึ้นอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1968 ในสมัยที่เริ่มพัฒนาตัวเองในยุคแรกนั้น หวาซีเป็นหมู่บ้านปิด ห้ามคนนอกเข้า และห้ามคนในออก มีการทดลองใช้ระบบกระเป๋าเดียว หรือคนไทยอาจจะคุ้นในเรื่องของระบบ "กงสี" โดยให้ทุกคนร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจหรือกิจการของหมู่บ้าน ทุกคนช่วยกันทำงาน แล้วก็จะได้รับผลตอบแทนตามความสำคัญของแต่ละอาชีพและลักษณะงาน เป็นการพัฒนาไปไกลจากนโยบายของพรรคซ้ายจัดในสมัยก่อนที่ทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ทำงานไม่เท่ากัน อู๋เหรินเป่า ได้ปรับปรุงระบบนี้ขึ้นมา และได้รับการสนับสนุนอย่างมากหลังจากจีนทำการปฏิรูปและเปิดประเทศในช่วง 30 กว่าปีมานี้ เลยย่องทำให้หมู่บ้านที่เคยยากจนประสบความสำเร็จอย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้