ปักกิ่งเพลินเพลิน "เว้นวรรค พักเรียน กระแสใหม่ของหนุ่มสาวจีน"
  2012-05-17 17:02:39  cri

การเว้นวรรคจังหวะชีวิตที่จำเจอยู่ในกรอบเดิมๆ แล้วลองออกไปท่องเที่ยว เป็นอาสาสมัครตามองค์กรต่างๆ หรือทำงานควบคู่ท่องเที่ยวด้วยสักหนึ่งปี เพื่อค้นหาและทำความรู้จักตัวเอง พร้อมกับเรียนรู้ทักษะชีวิตในโลกกว้างที่แตกต่างและหลากหลาย สิ่งที่กล่าวมานี้ ทางฝั่งตะวันตกจะเรียกกันว่า "Gap year" หรือ "เว้นวรรคพักเรียน" ซึ่งกำลังเป็นกระแสนิยมใหม่ของคนหนุ่มสาวจีนและมีจำนวนไม่น้อยได้ทดลองก้าวไปสัมผัสกับการเว้นวรรคพักเรียนนี้บ้างแล้ว

อัน ซิน สาวน้อยวัย 23 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี วิชาเอกคณิตศาสตร์ประกันภัย หากชีวิตดำเนินตามระบบระเบียบเดิมเฉกเช่นบัณฑิตทั่วไปแล้ว เธอแทบจะไม่ต้องหางานทำเลย เพราะจะมีบริษัทต่างๆ มารุมเสนองานและเงินเดือนดีๆ ให้กับเธอ ไม่ก็อาจจะเรียนต่อระดับปริญญาโทในอเมริกาหรืออังกฤษเหมือนเพื่อนร่วมชั้นเรียนอื่นๆ หลังจากจบแล้ว เงินทองและความมั่นคงต่างรอคอยเธออยู่ปลายทางอย่างแน่นอน แต่เธอกลับคิดต่างจากเพื่อนเพราะเธอตัดสินใจจะเว้นวรรคจังหวะชีวิต ลดความเร็วของความก้าวหน้าของชีวิตให้ช้าลง พร้อมกับเรียนรู้สิ่งอื่นๆ ที่ห้องเรียนไม่เคยสอนหรือสนใจโดยเลือกเดินทางไปยังเมืองกัลกัตตา เมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดีย เธอมีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยหนักที่โรงพยาบาลสงเคราะห์ผู้ยากไร้ซึ่งก่อตั้งโดยแม่ชีเทเรซ่า แม่พระของคนอินเดียและคนยากไร้ทั่วโลก หลังจากนั้นเธอได้เดินทางไปสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กยากจนและเด็กออทิสติกที่มูลนิธิคุณพ่อเรย์ในเมืองพัทยาของไทย

เธอเล่าว่า เมื่อปี 2010 เธอได้ทำความรู้จักกับแนวคิดเว้นวรรคพักเรียนนี้จากเพื่อนชาวเยอรมันระหว่างเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ทราบว่าแนวคิดนี้เริ่มขึ้นที่อังกฤษมาตั้งแต่ปี 1960 แล้ว โดยจะให้นักเรียนที่จบมัธยมปลาย ออกไปท่องเที่ยวพร้อมกับเป็นอาสาสมัครหรือไม่ก็ทำงานควบคู่ไปด้วยตามต่างประเทศเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือ ทำให้คนหนุ่มสาวรู้จักโลก รู้จักชีวิต ค้นพบตัวตนและได้คำตอบอย่างแท้จริงว่า ตัวเองนั้นสนใจอะไรกันแน่ ต้องการดำเนินชีวิตไปตามทิศทางใด ก่อนที่จะกระโดดเข้ามาเรียนในระดับอุดมศึกษา เพราะการตัดสินใจว่าจะเรียนและทำงานประเภทใดนั้น สำคัญต่อการดำรงชีวิตไปอีกชั่วชีวิต

แนวคิดนี้ได้เข้ามาในจีนได้ 2-3 ปีแล้ว รวมทั้งยังมีคนหนุ่มสาวจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตัดสินใจเว้นวรรคพักเรียนออกเดินทางท่องเที่ยวโลกกว้างมากขึ้น บางคนเป็นนักศึกษาที่เรียนดีมาก แต่ก็ยอมรับว่า ปัจจุบันเขาไม่มีความสุขเวลาอยู่ในห้องเรียน วิชาที่เรียนไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจหรือแรงขับเคลื่อนให้ชีวิตสดชื่นหรือมีความสุขแม้แต่น้อย จึงทำให้อยากพักและออกมาเรียนรู้ชีวิตคนตามท้องถนนและสถานที่ต่างๆ แทน ถึงแม้ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ก็ต้องสร้างความไว้ใจและอธิบายข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับจุดหมายปลายทางการเดินทางของพวกเขาเข้าใจอย่างละเอียด เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ นายเจิ้ง อายุ 32 ปี เขายังแอบอิจฉาคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ยุคนี้ที่มีโอกาสเว้นวรรคพักเรียนตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเขาเองเพิ่งจะมารู้จักแนวคิดนี้ในปี 2007 ซึ่งในขณะนั้นก็ตั้งใจที่จะมีลูกกับภรรยาแล้วด้วย แต่ก็เปลี่ยนใจออกเดินทางเช่นกัน เขาบอกว่า ถ้าเขารู้จักแนวคิดนี้ตั้งแต่เรียนในมหาวิทยาลัย เขาต้องเป็นคนหนึ่งที่ลงมือทำตามทันที ปัจจุบันเขาทำงานเป็นนักรณรงค์ทางสังคมออนไลน์ในเวบไซต์ที่มีชื่อเสียงคือ "โต้วป้าน" และยังเขียนหนังสือชื่อดังเรื่อง "เพื่อนร่วมชั้น(นอก)ห้องเรียน" ที่เป็นแรงบันดาลใจให้หนุ่มสาวจีนตอนนี้อีกด้วย

ยังมีหนุ่มสาวอื่นๆ ที่ได้แบ่งปันประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวจากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนิวซีแลนด์ ซึ่งถือเป็นประเทศที่หนุ่มสาวจีนจำนวนมากเลือกที่จะไปเว้นวรรคพักเรียน ส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานและท่องเที่ยวไปด้วยกัน สาวจีนวัย 28 ปี บอกว่า มาทำงานในโรงงานแปรรูปผลไม้แห่งหนึ่งต้องทำงานวันละ 14 ชม. เพื่อให้ได้เงินเพียงพอกับแผนการท่องเที่ยวของเธอ สิ่งที่ได้มากกว่านั้น คือ รู้จักค่าของเงินว่าได้มายากแค่ไหน และการเป็นสาวโรงงานนั้นมีความรู้สึกและกดดันอย่างไร หากเธอเจอสิ่งเลวร้ายหรือแรงกดดันในอนาคต เธอจะย้อนนึกถึงความรู้สึกนี้ว่าก้าวผ่านอย่างแข้มแข็งมาได้อย่างไร

มันไม่ได้เป็นแค่ความสนุก แต่มันเป็นการเรียนรู้ทักษะชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งที่เกิดมา เรียนรู้ในความต่าง เข้าใจคนอื่นและตัวเอง ไม่คาดหวังมากเกินไป และในเวลาเดียวกันก็ไม่สิ้นหวังเช่นเดียวกัน สิ่งที่พบระหว่างการเดินทางและการเป็นอาสาสมัครทำให้เข้าใจชีวิตคนมากขึ้น เป็นคนเหมือนกันแต่ทำไมศักดิ์ศรีความเป็นคนไม่เท่ากัน หรือเด็กออทิสติกที่หัวเราะตลอดเวลาแต่สักพักก็หันมาทำร้ายพี่เลี้ยง ครอบครัวของเด็กยากไร้อยู่ที่ไหนและทำไมต้องทอดทิ้งเด็กๆ ฯลฯ

 

สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งจากการถอดบทเรียนจากหนุ่มสาวจีนที่กลับมาจากการเว้นวรรคพักเรียนในต่างแดน ซึ่งพวกเขามีคำตอบที่ชัดเจนและเสียงดังในใจที่สุดว่า จะดำเนินชีวิตอย่างไร และ จะช่วยกันบอกต่อคนรอบข้างอย่างไรว่าให้ลองปิดคอมพิวเตอร์ เก็บไอแพ็ดและไอโฟนไว้ที่บ้าน แล้วชวนกันออกไปดู เปิดใจและเรียนรู้โลกกว้าง เพื่อกลับมาเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพและคุณค่าต่อสังคม

สุชารัตน์ สถาพรอานนท์

*ข้อมูลอ้างอิง www.chinadaily.com.cn

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040