หน้าร้อนแบบนี้ อยากจะทานอะไรให้มันเย็นชื่นใจ วันนี้เลยเอาบะหมี่เย็นเกาหลี หรือภาษาจีนเรียกว่า "เหลิ่งเมี่ยน" มาฝากกันค่ะ เหลิ่งแปลว่าเย็น เมี่ยนแปลว่าบะหมี่ เหลิ่งเมี่ยนไม่ใช่แค่อาหารจานโปรดของชาวเกาหลีเท่านั้นนะคะ ชาวจีนก็นิยมประทานกันมาตลอด โดยเฉพาะในหน้าร้อน
เหลิ่งเมี่ยนที่ขึ้นชื่อที่สุดของจีนมาจากภาคอีสาน เพราะทางภาคอีสานมีชาวชนเผ่าเกาหลีอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งที่นี่ยังมีพรมแดนติดกับเกาหลีเหนือด้วย หลายสิบปีนี้ เลิ่งเมี่ยนค่อยๆ กลายเป็นบะหมี่ที่นิยมรับประทานทั่วประเทศจีน หาทานได้ง่ายมากในร้านที่ขายเนื้อย่างหรือร้านอาหารเกาหลีทุกร้าน เพราะตามประเพณีของเกาหลี และชาวชนเผ่าเกาหลีของจีน ลูกค้าจะสั่งทานหลังจากทานเนื้อย่าง
เหลิ่งเมี่ยนในภาษาเกาหลีเรียกว่า แนงมยอน มีทั้งแบบน้ำและแบบแห้งคือไม่ใส่น้ำซุปเย็น แบบที่ชาวจีนส่วนใหญ่ชอบจะเป็นแบบน้ำ เพราะคนจีนทั่วไปเห็นว่า น้ำซุปเย็นถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุด และเป็นหัวใจของเหลิ่งเมี่ยนค่ะ ในฤดูร้อนที่ร้อนจัด เลือกร้านเกาหลีสไตล์ง่ายๆ สักร้านหนึ่งตามถนน นั่งในห้องที่เปิดแอร์หรือพัดลม สั่งเหลิ่งเมี่ยน 1 ชาม ถือชามใหญ่ที่ทำด้วยเหล็ก ดื่มน้ำซุปเย็นๆ ที่มีทั้งรสหวาน เปรี้ยว และเผ็ด จะรู้สึกชื่นใจและหายร้อนทันที วันนี้ เราไปทานเหลิ่งเมี่ยนรสอร่อยๆ ในกรุงปักกิ่งกันนะคะ
ร้านขายเหลิ่งเมี่ยนรสอร่อยในกรุงปักกิ่งมี 2 ประเภทคือ ประเภทที่หนึ่งเป็นร้านอาหารเกาหลี และประเภทที่สองเป็นร้านอาหารชนเผ่าเกาหลีของจีน
1 - เหยียนจี๋ชานทิง (ร้านอาหารเหยียนจี๋)
ร้านแรกที่จะพาไปในวันนี้เป็นประเภทที่สอง มีชื่อว่า เหยียนจี๋ชานทิง เล่ากันว่า ที่นี่มีบะหมี่เย็นที่ดึงดูดใจชาวปักกิ่งและชาวอีสานของจีนมากที่สุดในกรุงปักกิ่ง
เมืองเหยียนจี๋ตั้งอยู่ในมณฑลจี๋หลินทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน อยู่บริเวญตีนภูเขาฉางไป๋ซาน เป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนเผ่าเฉาเสี่ยนของจีน ร้านอาเหยียนจี๋เป็นร้านเก่าแก่ของปักกิ่ง มีหลายสาขาด้วย ซึ่งสาขาขึ้นชื่อที่สุดเป็นสาขาร้านหมายเลขที่ 2 ตั้งอยู่เลขที่ 21 ถนนซีอานเหมิน ถึงแม้ว่าเป็นร้านที่ไม่ใหญ่นัก แต่ในฤดูร้อนแต่ละวันจะขายบะหมี่เย็นได้กว่า 1,000 ถ้วยทีเดียว
การรับประทานบะหมี่เย็นของร้านนี้ต้องไปสั่งที่เคาท์เตอร์ด้วยตนเอง และไปรับบะหมี่ที่เราสั่งจากหน้าต่างของห้องครัวด้วยตนเอง นอกจากนี้ เนื่องจากมีลูกค้าหนาแน่น เลยต้องรอ แต่เมื่อได้รับประทานแล้วก็จะรู้สึกคุ้มค่าจริงๆ
บะหมี่ที่ใช้ในร้านนี้เป็นบะหมี่สีน้ำตาลเข้ม เรียกว่า เฉียวม่ายเมี่ยน (buckwheat) เป็นธัญญาหารชนิดหนึ่งที่ปลูกในพื้นที่หนาวจัด มีสารอาหารมากกว่าข้าวและบะหมี่ชนิดอื่นๆ ดีต่อทั้งหัวใจและเส้นเลือดของคนเรา เจ้าของร้านบอกว่า บะหมี่ที่ทำด้วยเฉียวม่ายจะเป็นบะหมี่เย็นพันธุ์แท้ ส่วนน้ำซุปก็เป็นสีน้ำตาลเหมือนกัน จะมีแผ่นเนื้อวัว และแผ่นแอปเปิ้ลวางทับบะหมี่ คนที่ไปทานบะหมี่เย็นเป็นครั้งแรกอาจจะรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมไม่มีผักดอง เพราะผักดองเป็นอาหารประจำครัวของชาวเกาหลี และเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ในบะหมี่เย็น จริงๆ แล้ว ทางร้านไม่ใช่ลืมใส่นะคะ ผักดองกำลังซ่อนตัวอยู่ในบะหมี่ต่างหาก เพราะการแช่ในน้ำซุปเย็นๆ จะทำให้ผักดองกรอบ เย็น และอร่อยมากขึ้น อีกทั้งเสริมรสให้กับทั้งซุปและบะหมี่ด้วย
ก่อนรับประทานอย่าลืมน้ำพริกนะคะ น้ำพริกที่นี่มีสีแดงเข้ม และเป็นน้ำพริกที่ทางร้านทำเองด้วยสูตรลับ ใส่น้ำส้มสายชูขาวที่วางบนโต๊ะนิดหน่อย คนทุกอย่างในถ้วยให้เข้ากัน น้ำซุปก็จะกลายเป็นสีแดง บวกกับความเย็นที่ออกมาจากถ้วย อดใจไม่ไหวที่จะรับประทานทันทีเลย
พ่อครัวที่นี่ทำบะหมี่เย็นมากว่า 20 ปีแล้ว วิธีทำไม่เคยเปลี่ยนแปลง เครื่องปรุงไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้น รสชาติก็ยังคงเหมือนเดิม ทั้งนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ทางร้านมีลูกค้าเก่าเยอะแยะและดึงดูดลูกค้าใหม่เรื่อยๆ เพราะรสชาติของบะหมี่เย็นที่นี่มักอยู่ในความทรงจำของลูกค้าเก่าแก่ และเป็นรสชาติที่ติดใจลูกค้าใหม่ด้วย
2 – ผิงหร่างห่ายถางฮวา
ร้านนี้เป็นกิจการของเกาหลีเหนือ มีสาขา 3 แห่งในกรุงปักกิ่ง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้ ชาวจีนชนเผ่าเกาหลี และชาวจีนที่สนใจวัฒนธรรมเกาหลี สิ่งประทับใจลูกค้าที่ไปทานข้าวที่นี่คือ อาหารเกาหลีมีคุณภาพดี อร่อย สาวงามเกาหลีที่ยิ้มหวานแหวว และราคาอาหารที่สูงไปนิด
คนเสริฟ์ที่นี่ล้วนเป็นสาวงามเกาหลีเหนือที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวด เป็นนักศึกษาหรือเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว มีหน้าตาสวนงาม ทุกคนสามารถพูดภาษาจีนได้บ้าง เก่งการร้องเพลง การเล่นเครื่องดนตรี และการเต้นรำ แต่ละคนจะอยู่ในร้านเป็นสักระยะหนึ่ง และกลับประเทศเกาหลีเหนือเพื่อเปลี่ยนคนใหม่ เมื่อเข้าร้่านไปแล้วจะทำให้รู้สึกเหมือนเดินทางถึงเกาหลีเหนือแล้ว
จริงๆ แล้ว ที่แนะนำร้านนี้ไม่ใช่แค่เพราะว่าบะหมี่เย็นเท่านั้น หากเพราะว่า อาหารเกาหลีที่นี่ขึ้นชื่อมาก แต่ละจานจะใช้ส่วนประกอบปรุงอาหารที่มีคุณภาพดี และทำแบบวิธีดั้งเดิมของเกาหลี นอกจากนี้ จะมีการแสดงในตอนเย็นด้วย
บะหมี่เย็นที่นี่มีน้ำซุปสีเหลือง และมีผักดองรสชาติเกาหลีแท้ ไข่ที่ใช้ไม่ได้ไข่ต้มสุก หากเป็นไข่เจียวที่ซอยเป็นเส้นเล็กๆ กินกับแตงกวาและสาลี่ที่หัดเป็นแผ่นๆ ทั้งหวาน เปรี้ยว และเย็นสดชื่น
จานพิเศษที่นี่ต้องเป็นซุปหอยสังข์ โดยจะมีเปลือกหอยสังข์ยักษ์ตั้งอยู่บนเตาเล็กๆ ในเปลือกหอยมีเนื้อหอยที่หั่นเป็นแผ่นบางๆ ประดับด้วยเห็ดหอม และพริกหยวกซอยสีเขียวและสีแดง เสริฟพร้อมกับซุป 1 ถ้วย เวลากิน ต้องเทซุปใส่เปลือกหอยก่อน ค่อยๆ ต้ม และทำให้รสชาติเข้ากัน
จานอื่นๆ ที่เสนอได้แก่ ขาปูนึ่ง เห็ดต้นสนนึ่งด้วยเบียร์ ยำเนื้อวัวดิบ ยำปลาหมึก และข้าวอบหม้อหิน แน่นอน เนื้อย่างที่นี่ก็ต่างกับร้านอาหารเกาหลีอื่นๆ มาก แต่น่าเสียดายว่า ราคาก็แพงกว่าร้านเกาหลีอื่นๆ ประมาณ 1 เท่าตัว
นอกจากร้านอาหาร 2 แห่งที่นำมาฝากแล้ว แถว "อู่เต้าโข่ว" และเขต "ว่างจิง" ของกรุงปักกิ่งก็มีร้านอาหารเกาหลีจำนวนมาก เพราะต่างเป็นแหล่งรวบชาวเกาหลีใต้ ว่างๆ อย่าลืมเดินตามถนนหาร้านเกาหลีเล็กๆ แต่อร่อยๆ หน่อยนะคะ อาจจะเจอเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือ หรือเกาหลีใต้ก็ได้ค่ะ
Ying/Ldan