จีนปริทรรศน์: นั่งข้างนอกที่ร้านไหนดี (2)
  2012-07-11 17:20:51  cri

"ซานหลี่ถุน" หากเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมารับรองได้ว่าผู้ที่ชอบหาสถานที่แฮงก์เอ้าท์ยามค่ำคืนหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเงานมาทั้งวันเป็นต้องรู้จักดีอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในหมู่ชาวต่างชาติ ทั้งที่เป็นนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว รวมไปถึงชาวจีนในวัยทำงานที่มีกำลังซื้อสูงเล้กน้อยล้วนต้องเคยโฉบมาสนุกกับวันหยุดที่นี่มาแล้วอย่างแน่นอน

"ซานหลี่ถุน" จริงๆ แล้วเป็นย่านสถานทูตต่างประเทศในกรุงปักกิ่ง ผับบาร์ที่เปิดขึ้นแรกๆ ก็เพื่อไว้บริการชาวต่างชาติเป็นการเฉพาะดังนั้นทุกร้านในย่านี้จึงพนักงานทุกคนจึงถูกเทรนด์ให้สื่อสารภาษาอังกฤษได้

ต่อมาเมื่อ "ซานหลี่ถุน" ซึ่งเป็นช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่มาเปิดขึ้นที่หัวมุมถนนที่ตัดกันระหว่าง "กงถี เป่ย ลู่" กับ "ซานหลี่ถุน หนาน ลู่" ย่านนี้จึงยิ่งคึกคักมากขึ้นไปอีก และเมื่อไม่นานมานี้อาคารสำนักงานระดับไฮโซอย่าง "โซโห" ก็สร้างขึ้นมาตรงข้ามกับ "หย่าชิว" หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ "ตลาดรัสเซีย 2" อีก เลยยิ่งยกระดับให้ "ซานหลี่ถุน" กลายเป็นศูนย์รวมทั้งความบันเทิง ธุรกิจ และห้างสรรสินค้า

Migas

คนที่มาปักกกิ่งใหม่เมื่อมาถึงย่านนี้แล้วก็มักจะนึกว่าบาร์ที่ตั้งเรียงรายและประดับไฟสวยงามอยู่ริมถนน "ซานหลี่ถุน หนาน ลู่" ซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนจากสี่แยกเป็นถนนบาร์หลักของ "ซานหลี่ถุน" แต่จริงๆ แล้วหาเป็นเช่นนั้นใหม่ เพราะตรงนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ไปสร้างดักทางไว้ ส่วนที่สนุกสุดเหวี่ยงและเจ๋งๆ จะอยู่ด้านหลังของ "ซานหลี่ถุน" สามารถเดินทะเลห้างนี้เข้าไป ผ่านร้านแอปเปิ้ลที่ใหญ่ที่สุดในปักกิ่งไปอีกไม่เกิน 30 ก้าว ก็จะพบถนนเล็กสายหนึ่งที่มีบรรยากาศคล้ายกับถนนข้าวสาร เพราะมีแผงขายบุหรี่ แผงขายดีวีดี ร้านขายของชำ รถเข็นขายอาหาร แผงขายของกินเล่นตั้งอยู่ตามถนนและหน้าผับบาร์จำนวนมาก ซึ่งตรงนี้นี่เองคือ "ซานหลี่ถุน" ของแท้ เพราะในตัวตึกสูงประมาณ 4 ชั้นทั้งสองฝาก ล้วนถูกซอยเป็นผับบาร์จำนวนมาก รวมถึงชั้นดาดฟ้าที่เปิดโล่งด้วย

ในบรรยากาศของเดือนที่ร้อนที่สุดเช่นนี้ การได้ออกไปนั่งชิวรับลมบนดาดฟ้าที่มีผับเก๋ๆ ย่อมเป็นรางวัลชีวิตหลังการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยได้อย่างดี และเป็นเรื่องที่น่าอภิรมย์ยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเห็นบรรยากาศที่คึกคักของฤดูร้อน ได้พบและรู้จักกับผู้คนที่รักการใช้ชีวิตอีกส่วนหนึ่งในยามค่ำคืน และยังได้เห็นกรุงปักกิ่งจากมุมสูงอีกด้วย

ร้านแรกที่ควรกล่าวถึงอย่างยิ่งคือ "Migas" ที่ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารที่ซ่อนอยู่ด้านหลังถนนข้าวสารของกรุงปักกิ่งที่กล่าวไปก่อนหน้า แต่ด้วยความที่เป็นร้านที่อยู่สูงสุดจึงค่อนข้างลำบากสักเล็กน้อย แต่การการได้ซอกซอนค้นหาอะไรบางอย่าง และในที่สุดก็ได้พบย่อมเป็นการท้าทายเล็กๆ น้อยๆ ของชีวิตเหมือนกันมิใช่หรือ

เส้นทางง่ายๆ คือ เดินเข้ามาตามทางของ "เดอะ วิลเลจ" อย่างที่ให้รายละเอียดไว้ มองไปทางขวาจนพบร้าน "First Floor" ซึ่งอยู่สุดหัวมุมตึกพอดี จากนั้นอ้อมไปด้านหลัง ซึ่งภายนอกอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ด้านในนั้นถูกจัดเป็นสวนสไตล์ "คาซาบลังกา" มีต้นไม้ขึ้นอยู่กลางลาน มีน้ำพุเล็กๆ และที่นั่งรับลมที่แสนโคซี่เป็นกันเอง ใกล้กันนั้นจะพบลิฟท์แก้วที่พาคุณมุ่งขึ้นไปที่ชั้น 6 หลังจากออกมาแล้วจะพบทางเข้าซึ่งปกติแล้วประตูสีครึ้มจะปิดสนิท ซึ่งคนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะงุนงงกับการหาวิธีเปิด แต่สำหรับแฟนของร้าน "ไมกัส" จะรู้ว่าที่ช่องผนังด้านขวามือจะมีที่สำหรับแสกนมือ เพียงเอาฝ่ามือไปปัดผ่านช่องแสงสีฟ้านั้น ประตูเลื่อนทั้งสองบ้านก็จะอ้ารับให้เราเดินขึ้นบันไดไปอีกชั้นเพื่อพบกับบาร์บนดาดฟ้าที่สวยงามคุ้มค่ากับการดั้นด้นค้นหาที่สุด

"ไมกัส" มีเอกลักษณ์ที่การจัดบรรยากาศที่ดูทั้งบูติกและโรแมนติก เหมาะสำหรับคู่รักที่จะมาเดตกัน โดยเฉพาะห้องรูปทรงไข่ที่เปิดกว้างสองด้านเป็นทางเข้า ความเว้าโค้งของเปลือกไข่ทำให้มีมุมบังตาให้สวีตหวานกันได้ ที่นั่งก็เป็นเบาะแบบญี่ปุ่นพร้อมพนักที่นุ่มสบายสามารถนั่งสอดขาเหยียดยาวได้ มุมอื่นของร้านตกแต่งด้วยโต๊ะที่เป็นกระจกใสรูปทรงแปลกตา วางเคียงคู่กับเก้าอี้ที่ทำจากไฟเบอร์โค้งมน มีทั้งแบบที่นั่งได้ 4 คน จนถึงแบบที่มากันเป็นสิบก็รับไหว

สำหรับเค้าท์เตอร์บาร์สร้างขึ้นด้วยไม้ระแนงเปลือยสีธรรมชาติ เช่นเดียวกับพื้นทางเดินและกำแพงทุกด้าน ให้บรรยากาศที่โปร่งโล่งเป็นกันเอง ไม่อึดอัดเหมือนห้องสีเหลี่ยมผนังทึบในอพาร์ตเม้นต์ของตนเอง ซึ่งยังไงก็ต้องกลับไปซุกหัวนอนทุกวันขณะเดียวกันก็รู้สึกได้อยู่กับธรรมชาติเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่สร้างจากไม้กระดานและไม้ระแนง แม้กระทั่งห้องน้ำที่สะอาดสะอ้านแยกหญิงชายก็ไม่เว้น

Bali Bliss

ในช่วงที่อากาศกำลังลดระดับเข้าสู่หน้าหนาว แต่ยังไม่ถึงกับติดลบ "ไมกัส" ก็ยังเปิดให้บริการ โดยมีเครื่องทำความร้อนแบบใช้แก๊ซจุดให้ความอบอุ่นด้วย ซึ่งก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

ในด้านฝั่งตรงกันข้ามของสี่แยกซานหลี่ถุน บนชั้นที่ 7 ของอาคารจงหยู พลาซ่า มีร้านอาหารและบาร์ใหม่เอี่ยมอ่อง ซึ่งเพิ่งเปิดกิจการมาไม่ถึงปีดีนักที่ใครๆ ที่เคยไปมาแล้วต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "สุดยอด"

ที่แห่งนี้ก็คือ "บาหลี บลิสส์" เช่นเดียวกับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับย่านนี้อาจจะลำบากสักเล็กน้อยในการค้นหา เพราะความซับซ้อนในการขึ้นไปถึงยอดตึก จุดสังเกตง่ายๆ คือด้านหน้าอาคารแห่งนี้มีธนาคารคอนสตรั๊กชั่น (ธนาคารการก่อสร้าง) ตั้งอยู่ และด้านหลังตึกเป็นห้องสมุดและร้านอาหารชื่อดังของปักกิ่ง นั่นก็คือ "Book Worm" ส่วนอาคารจงหยู พลาซ่า จริงๆ แล้วมีความสูงหลายสิบชั้น แต่ส่วนที่ตั้งของร้านอาหารและบาร์ลอยฟ้าแห่งนี้ ตั้งอยู่บชั้นที่ส่วนเล่นระดับ ซึ่งเป็นดาดฟ้ายื่นออกมา

ชื่อของร้านก็บอกบรรยากาศไว้ได้อย่างชัดแจ้งอยู่แล้วว่า ต้องมีรูปแบบการตกแต่งในสไตล์เกาะบาหลี โดยมีวางซุ้มหลังคาใบจากกระจายไว้ห่างๆกัน ซึ่งมีเก้าอี้สตูลเรียงไว้โดยรอบ ขณะเดียวกันก็มีต้นปาล์มและกล้วยอินโดนีเซียประปราย บนพื้นมีการขุดบ่อเป็นทางโค้งและคลุมด้วยกระจกใส เพื่อเติมบรรยากาศของท้องทะเล

แม้การตกแต่งแบบบาหลีนี้จะขัดกับหน้าต่างกรุกระจกของตัวอาคารไปบ้าง แต่ความที่ตั้งอยู่ชั้นสูงขนาดนี้ก็ทำให้ได้บรรยากาศของความเป็นส่วนตัวชนิดหาสถานที่อื่นมาเปรียบเทียบไม่ได้ และสนนราคาโมจิโตเริ่มต้นที่แก้วละ 60 หยวน

ด้วยความที่ที่ตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยว "บาหลี บลิสส์" จึงได้รับการยกย่องให้เป็นบาร์เปิดที่โดดเด่นและน่าประทับใจที่สุดในกรุงปักกิ่ง เหมาะอย่างยิ่งที่จะพาคู่รักไปเดตกันสองต่อสอง

และเช่นเดียวกับบาร์อื่นๆ ที่เปิดโล่งลักษณะเดียวกัน คือเลยกลางเดือนตุลาคมไปแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่จะมีโอกาสมานั่งชิวๆ รับอากาศดีๆ อีก เพราะอุณหภูมิที่วิ่งลงหาเลขศูนย์ทุกวันคงไม่เอื้ออำนวยอย่างแน่นอน

บาร์อีกแห่งหนึ่งที่ละเลยไม่กล่าวถึงถึงเสียก็คงจะเป็นผิดพลาดอย่างยิ่ง เพราะเป็นบาร์กึ่งร้านอาหารไทยชื่อดังที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง

Lantung Thai Bar + Bistro

สิ่งที่ทำให้ร้าน "Lantung Thai Bar + Bistro" ตรึงใจลูกค้าทุกคนที่แวะเวียนมามีหลายเหตุผลด้วยกัน

อย่างแรกคือ "อาหารไทย" ขึ้นชื่อว่าอาหารไทยแล้ว คนทุกชาติทุกภาษาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "อร่อยที่สุดในโลก" และรับประทานได้ทุกวัน หากราคาไม่แพงเกินไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ร้านอาหารไทยจะได้รับการพูดถึงว่าราคาสูง ไม่ว่าจะตั้งอยู่ที่แห่งหนใด (ยกเว้นประเทศไทย) แต่สำหรับที่กรุงปักกิ่งยังพอรับได้และถูกกว่ามาก หากเทียบกับค่าเงินยูโรหรือดอลล่าร์ ดังนั้นร้านอาหารไทยทุกแห่งในกรุงปักกิ่งจึงเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าที่เป็นชาวตะวันตก ที่ติดใจในรสชาติจัดจ้าน และสีสันน่ารับประทาน ที่สำคัญยังไม่มันเลี่ยนเหมือนอาหารจีนด้วย

อย่างที่สองคือ "ทำเล" เพราะร้านนี้ตั้งอยู่ที่ "โซลาน่า" ซึ่งเป็นช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่แต่ไม่ได้อยู่ในอาคารสูงๆ แต่สูงออกแบบและสร้างให้เหมือนกันเมืองๆ หนึ่ง มีกลิ่นอายความเป็นตะวันตกอยู่ทุกลายละเอียดของการตกแต่ง จนได้รับความนิยมในฐานะห้างระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่งของปักกิ่ง นอกจากนี้สิ่งที่ดึงดูดใจของผู้คนที่ตัดสินใจมาที่นี่คือ "บรรยากาศ" เพราะนอกจากจะไม่เหมือนใคร ไม่รู้สึกว่าเดินอยู่ในห้างรูปแบบเดิมๆ แล้ว "โซลาน่า" ยังตั้งอยู่ติดกับขอบรั้วของสวนสาธารณะ "เฉาหยาง" ที่ใหญ่ที่สุดของเขตตะวันออกของกรุงปักกิ่ง และเป็นย่านที่อยู่อาศัยราคาแพง ย่านสถานทูตสำคัญๆ ย่านธุรกิจ และย่านโรงแรมระดับห้าดาว เพียงเดินขึ้นไปชั้นบนของร้านก็สามารถมองเห็นทะเลสาบของสวนสาธารณะอยู่เพียงปลายจมูก

หากได้มานั่งชิวในช่วงหัวค่ำ และเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ตกที่นี่คงเป็นบรรยากาศที่หวานโรแมนติคเหลือประมาณ โดยเฉพาะหากมีคนรู้ใจอยู่เคียงข้างกาย

อย่างที่สามที่ลูกค้านักต่อนักบอกต่อกันก็คือ "เครื่องดื่ม" เพราะที่นี่เสริฟค็อกเทลระดับคุณภาพและตั้งชื่อได้จูงใจแบบไทยแท้ อย่างเช่น Phuket Lime Light, Muay Thai, Chiangmai Affair ฯลฯ ซึ่งลูกค้าต่างบอกว่าสนนราคาที่ตั้งไว้คุ้มค่ากับคุณภาพคับแก้วที่ได้มา ผลไม้ที่คัดมาทำก็เป็นผลไม้สดใหม่ ไม่เหมือนร้านอื่นที่ใช้น้ำผลไม้กล่องมาทำ ซึ่งนี่คือความลับสำคัญของค็อกเทลที่ผสมน้ำผลไม้ต่างๆ

สำหรับการเดินทางมาที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลาย แต่ที่ง่ายๆ ที่สุดสำหรับคนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็คือ "แท็กซี่" เพราะส่วนใหญ่ทุกคันรู้จัก "โซลาน่า" เป็นอย่างดี ส่วนถ้าต้องการมาโดยรถไฟใต้ดินก็ไม่ยาก สามารถนั่งสาย 10 มาลงที่สถานี "เลี่ยงหม่าเฉียว" แล้วเดินต่อ (ประมาณ 1 กิโลเมตรเห็นจะได้) หรือนั่งรถเมล์ หรือต่อแท็กซี่สั้นๆ ก็ได้

แห่งสุดท้ายที่อยากจะพูดถึงนี้ เป็นบาร์ที่นักท่องเที่ยว รวมถึงชาวต่างชาติที่อยู่ปักกิ่งมานาน หรือแม้แต่เจ้าถิ่นคนจีนเองก็อาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ และรู้ว่ามีสถานที่แห่งนี้ดำรงอยู่

Emperor Hotel

นั่นก็คือบาร์บนชั้นดาดฟ้าของ "โรงแรมจักรพรรดิ" หรือ "Emperor Hotel" ซึ่งตั้งถนนฝั่งตะวันออกของพระราชวังต้องห้าม และเป็นบาร์เพียงแห่งเดียวในโลกที่สามารถชื่มชมกับทัศนียภาพยามค่ำคืนของพระราชวังต้องห้ามได้อย่างจุใจที่สุด เพราะอาคารโรงแรมมีความสูงราว 5 ชั้น ดังนั้นชั้นดาดฟ้าจึงนับได้ว่าเป็นชั้นที่ 6 เรี่ยอยู่บนยอดของต้นก้ามปูยักษ์โบราณที่โอบคลุมถนนทั้งหลายไว้ด้วยสีเขียวสดของฤดูร้อน และที่ปลายยอดไม้นั้นจะเห็นยอดหลังคาของวังต่างๆ จากเหนือจรดใต้ เห็นเจดีย์สีขาวสะอ้านของ "เป่ยไห่" ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงปักกิ่ง

รายละเอียดและที่ตั้งคงทำให้ฉงนใจไม่น้อยว่าที่ดีๆ แบบนี้ ทำไมคนรู้จักกันไม่มาก

นั่นเพราะใครๆ ก็ไม่คิดว่าจะมีบาร์แบบนี้ ในบริเวณเช่นนี้นั่นเอง อีกทั้งในยามค่ำคืน ถนนฝั่งตะวันออกของพระราชวังต้องห้ามนี้จะเงียบสงัด ผิดกันลิบลับกับในช่วงกลางวันที่จะมีนักท่องเที่ยวเดินกันให้ขวักไขว่ ด้วยแมกไม้ที่หนาทึบจึงบดบังแสงไฟนีออนข้างถนนให้ไม่อาจสาดส่องลงมายังพื้นล่างได้เต็มกำลัง ทำให้พื้นที่โดยรวมสลัวลาง ใครๆ จึงไม่คิดว่าในยามพลบค่ำจะมีกิจกรรมใดๆ ดำเนินอยู่ในย่านนี้อีก

นอกจากบาร์ดาดฟ้าเพียงแห่งเดียวที่ทองเห็นพระราชวังต้องห้ามยามค่ำคืนได้อย่างอลังการแล้ว บรรยากาศการตกแต่งของบาร์เองก็ค่อนข้างที่จะหรูหนาน่านั่งมิใช่น้อย เพราะถูกสร้างขึ้นจากโครงไม้ระแนง ทั้งพื้น ราวริมผนัง บันได อีกทั้งมีจากุซซี่ยกพื้นขึ้นตรงกลางด้วย ซึ่งไปกี่ครั้งก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่า ทำไมผู้ออกแบบถึงเอามาตั้งไว้ที่นี่ หรือเพียงต้องการประดับให้บรรยากาศดูสบายๆ เป็นกันเอง หรือเอาไว้ยั่วคนขี้ร้อนให้กล้ากระโดดลงไปนอนเล่น

ในส่วนของตัวโรงแรมเองก็ไม่อาจข้ามที่จะกล่าวถึงได้ เพราะเป็นลักษณะของบูติกโฮเทล แต่ละห้องถูกออกแบบให้แตกต่างจากโรงแรมแบบฉบับทั่วไป ตามผนังก็ประดับด้วยภาพเขียนจีนที่หากใครสนใจหิวกลับบ้านก็เพียงจิดจ่อขอซื้อได้ที่ฝ่ายต้อนรับ ราคาที่พักคืนละประมาณ 1300 หยวน ไม่แพงเลยกับบรรยากาศริมพระราชวังต้องห้ามที่ที่ไหนก็หาซื้อไม่ได้ แถมยังมีบาร์บนดาดฟ้าที่สุดแสนวิเศษ

บาร์ทั้ง 4 แห่งนี้ล้วนได้รับการยกนิ้วให้ว่าเป็นสถานที่ "โรแมนติค" บนดาดฟ้าที่ไม่ควรพลาด

หากมีโอกาสแวะเวียนมาปักกิ่งก็ควรอย่างยิ่งที่จะแวะไปนั่งชิวรับลมร้อนด้วยกัน

พัลลภ สามสี

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040