"ผมจะไปเลื่อนตั๋วเครื่องบินออกไปอีก 3 วัน...พอไหม"
เมธี โมเดิร์นด็อกพูดอย่างกังวล เมื่อรู้ว่าเวลา 10 วันที่ตัวเองตั้งไว้ตั้งแต่ตอนแรกในการเที่ยวปักกิ่งและซีอานไม่เพียงพอ
"แล้วที่พี่นัดซ้อมวงทำอัลบั้มชุดใหม่กับพี่ป๊อดไว้จะไม่เป็นไรเหรอ" ยุรี เก็นสาคู อาร์ตติสต์สาวและคู่ใจของเมธีถามลากเสียงอย่างเป็นห่วง
"โอ๊ย...ไม่เป็นไรหรอก ป๊อดเค้ายังสนุกอยู่ที่โตเกียวเหมือนกัน ช้าไปอีก 2-3 วันไม่น่าเป็นไร ห่วงก็แต่งานโชว์ที่รับไว้ จะไม่มีเวลาซ้อมก่อนขึ้นเล่นมากนัก" เมธีดูเหมือนคลายกังวลไปได้มาก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนร่วมวงซึ่งเป็นนักร้องนำยังคงสนุกอยู่อีกประเทศหนึ่งเช่นกัน
"ระดับนี้แล้วไม่ต้องซ้อมมากหรอก ขึ้นเวทีเดี๋ยวฟอร์มก็มาเองแหละ มาถึงจีนทั้งทีไม่เป็นซีอานไม่ได้นะ ถ้านายเลื่อนตั๋วได้ เราก็จะไปด้วย ตอนนี้รู้สึกว่าอยู่ปักกิ่งที่เดียวยังไม่เข้าใจความเป็นจีน เรารู้สึกว่าต้องไปเห็นหุ่นปั้นทหารจิ๋นซีเสียหน่อย น่าจะทำให้ความคิดเรื่องงานที่เรากำลังจะวาดทะลุปรุโปร่งไปได้" ตะวัน วัตุยา ศิลปินหนุ่มที่กำลังมาแรงคนหนึ่งของไทยยุแยงให้เพื่อนเลื่อนตั๋วให้ได้ เพราะเขาเองจะได้ไปเห็นสุสานทหารจิ๋นซีกับตาตัวเอง และน่าจะตอบโจทย์บางอย่างเกี่ยวกับงานชุดที่เขากำลังขมักเขม้นวาดทุกคืนอยู่ที่บ้านเช่าเขตหวั่งจิ่ง ชานเมืองตะวันออกของกรุงปักกิ่ง
"ถ้าพี่เลื่อนตั๋วได้ ผมก็จะลาพักร้อนไปด้วย คราวที่แล้วไปทำงาน เลยไม่มีเวลาไปสุสสานทหารจิ๋นซี ทริปนี้ต้องสนุกแน่ๆ ถ้าเราไปพร้อมๆ กันหมดแบบนี้" พัลลภซึ่งนั่งฟังอยู่นานออกเสียงสนับสนุนเพิ่ม
จริงๆ แล้ว 3 คนนี้เป็นเพื่อนศิลปินที่ทำงานกลุ่มด้วยกันมาหลายงานด้วยกันในชื่อกลุ่มว่า "FOR" ซึ่งจริงแล้วมีกันถึง 18 คน ที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ก็คืองานแสดงภาพเขียนของกลุ่ม และงานเพ้นต์กำแพง เป็นต้น
แต่หากมองในแง่ของปัจเจกบุคคล ทั้งสามต่างมีผลงานที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง จนถึงระดับนานาชาติ
ชาวคณะตะลุยซีอานของเรา
สำหรับ "เมธี น้อยจินดา" นั้น แฟนเพลงทั่วประเทศย่อมรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี ในฐานะ 1 ในสมาชิกวง "โมเดิร์น ด็อก" วงดนตรีร็อกที่มีผลงานต่อเนื่องมายาวนาน จนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตำนานของเมืองไทย และกำลังจะมีอัลบั้มใหม่ในไม่ช้านี้อย่างที่ยุรีพูดไปนั่นเอง ซึ่งไม่ภายในปีนี้ก็ต้นปีหน้าเป็นอย่างช้า
ถ้าพูดแบบสำบัดสำนวนของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ก็ต้องบอกว่า – ไม่นานเกินรอ ถึงรอก็ไม่นาน
ซึ่งนอกจากทำผลงานเพลงกับวงหลักของตัวเองแล้ว ยังฉีกมาทำอัลบั้มพิเศษกับพราย-ปฐมพร ด้วยในอัลบั้มที่ชื่อว่า "Pry & May-T Project Re-Creation Pray" วางจำหน่ายไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ในอีกด้านหนึ่งเมธีเป็นศิลปินที่มุมานะในการสร้างผลงานอย่างมาก ทั้งในแง่ของจิตรกรรมและงานสื่อผสม เช่นที่เคยแสดงไปที่ "100 ต้นสนแกลเลอรี่" เมื่อปีก่อน ก็เป็นสื่อผสมที่ใช้เสียงดนตรีที่เขาถนัด ส่วนงานเขียนภาพนั้น เมธีมักจะวาดรูปสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ในอิริยาบถต่างๆ ซึ่งมาจากแรงบันดาลใจของสุนัขข้างกายที่บ้าน
สำหรับยุรี เกนสาคู ชื่อนี้ในแวดวงศิลปะร่วมสมัยรู้เธอกันเป็นอย่างดี เพราะทำผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง และสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองมาตั้งแต่จบมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ใหม่หมาด จนมีงานแสดงเดี่ยวนับครั้งไม่ถ้วน อาทิ งานแสดงชุด "ทางลัดขึ้นเขาท้อแท้" "สวีตแหววกับคุณพัดลม" เป็นต้น โดยมี "100 ต้นสนแกลเลอรี่" ต้นสังกัดของเธอดูแลการจัดแสดงเรื่อยมา และไม่เฉพาะแต่ที่เมืองไทยเท่านั้น หากยังถูกยกไปแสดงในต่างประเทศบ่อยครั้งด้วย รวมถึงปักกิ่ง ที่ยุรีเคยนำผลงานมาแสดงในงาน CIGE หรือ China International Gallery Exposition เมื่อปี 2009 ที่พัลลภได้มีโอกาสรู้จักเธอครั้งแรกที่นั่น
ก่อนมาปักกิ่งซ้ำครั้งนี้ก็ได้ข่าวว่าผลงานของยุรีได้รับการจัดเข้าไว้ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สิงคโปร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยมากผลงานของยุรีจะสะท้อนความเป็นตัวตนของเธออกมาในงาน ทั้งเรื่องของสุขภาพ และวิถีชีวิตทั่วไป ส่วนเทคนิคที่กลายเป็นลายเซ็นของเธอไปแล้วก็คือ การเขียนภาพโดยหยิบยืมเทคนิคการเขียนการ์ตูนมาใช้ และผลงานของเธอโดยมากก็มีขนาดชิ้นงานใหญ่เกินขนาดตัวของเธอเสมอ
ซึ่งรู้ว่ายุรีชอบหรือไม่ที่สื่อมวลชนเวลาเขียนถึงผลงานของเธอมักเรียกขานว่า "ศิลปินสาวร่างเล็ก"
แต่มักลืมเขียนไปว่า ขนาดของร่างกายไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ ในการทำงาน แต่ขนาดของหัวใจและความคิดต่างหากที่รังสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่ออกมาได้
สำหรับตะวัน วัตุยานั้น พัลลภรู้จักกับชายหนุ่มคนนี้ผ่านรสเมรัยมานานพอสมควร ผ่านเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนและของเพื่อน สุดท้ายตะวันก็กลายเป็นเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งที่สนิทใจกันดี และรู้ดีว่าตะวันเขียนรูปได้ดีพอๆ กับการดื่ม
เส้นทางการเป็นศิลปินของตะวันนั้นหากเขียนไว้ที่นี่คงไม่แคล้วกลายเป็นนวนิยายเล่มย่อมๆ เพราะทำมานาน และมีงานแสดงไม่ขาดสาย เริ่มก้าวแรกจากในประเทศจนโบยบินไปยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่นและจีน (เร็วๆ นี้)
งานแสดงเดี่ยวของตะวันที่เป็นหลักไมล์บนเวทีศิลปะก็น่าจะนับที่งาน "500" ซึ่งเขาเพียรวาดรูปใบหน้าของอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยถึง 500 ชิ้น แล้วนำไปจัดปูแสดงในทั้งแกลเลอรี่ ต่อมาก็เป็นชุด "แฝด" ที่แสดงความพิลึกพิลั่นอีกฝากหนึ่งของผู้คนออกมา และยังงานชุด "มายาคติในเครื่องแบบ" ที่สร้างความเกรียวกราวในแวดวงศิลปะเมืองไทยอย่างสูง ไม่นับถึงงานชุด "ฮีโร่" ที่วาดภาพซุปเปอร์ฮีโร่อย่างไอ้มดแดงได้อย่างหยดย้อย
ลายเซ็นของตะวันที่นอกเหนือความคิดที่แสดงอย่างชัดเจนในผลงานแต่ละชุดแล้ว การควบคุมสีน้ำอย่างช่ำชองผืนผืนกระดาษขนาดใหญ่นั่นเองคือ "จุดเด่น" ของศิลปินไทยคนนี้
สามคนนี้มารวมตัวกันที่ปักกิ่งได้อย่างคงต้องถามพัลลภ เพราะเขาเป็นพยานในที่มาที่ไปนี้อย่างดี