จากที่สามศิลปินตกตะลึงกับหุ่นทหารเขียนสีมาแล้ว เมื่อมาเจอรถม้าชุดนี้ยิ่งตกใจไปกันใหญ่ถึงวิวํฒนาการศิลปะโบราณของจีน
แน่นอนว่าฉันก็พยายามนึกย้อนประวัติสาสตร์ที่เคยเรียนมางูๆ ปลาๆ ว่าในยุคเดียวกันนี้เมืองไทยของเรามีการสร้างผลงานศิลปะที่ละเอียดประณีตและทรงคุณค่าเช่นนี้ขึ้นมาได้บ้างหรือเปล่า
คำตอบก็คือ "ไม่"
ในพิพิธภัรฑ์แห่งนี้แม้จะมีผลงานอย่างอื่นที่ขุดค้นพบเช่นกัน แต่ก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจอีกแล้ว หลังจากได้ชมรถม้าศึกที่อลังการและงดงามนั่นแล้ว
หุ่นทหารแบบเขียนสีรูปแบบต่างๆ
"นี่เป็นผลงานศิลปะที่ทรงคุณค่าชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน รถม้าชุดนี้เคยถูกยกไปจัดแสดงที่หอจีนในงานเวิล์ดเอ็กซ์โป เซี่ยงไอ้ ปี 2010 และในงานพืชศวนโลก ซีอาน 2011 การเคลื่อนย้ายแต่ละครั้งทำได้ไม่ง่าย เพราะต้องรักษาอุณหภูมิ ควบคุมปริมาณแสง และแรงสั่นสะเทือน เพราะว่าชิ้นงานผ่านกาลเวลามายาวนานจนมีความเปราะบางมาก" พัลลภซึ่งเคยไปมาแล้วทั้งสองงานเล่าเบื้องหลังความสำคัญของผลงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีนชิ้นนี้ให้ฟัง
"อยากอยู่ซีอานนานๆ กว่านี้เนอะ" ยุรีบอก
"ใช่ จะใช้เวลาดูให้มากกว่านี้ ซึมซับให้มากกว่า" เมธีซึ่งดูเหมือนจะหลงรักประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของเมืองนี้เข้าเต็มเปาสนับสนุน
"เอาน่า อย่างน้อยเราก็ได้มาแล้ว ถ้าครั้งนี้ไม่มาก็ไม่รู้เมื่อจะได้มา ถึงแม้ว่าเราเองก็เห็นด้วยว่าถ้าอยู่นานกว่านี้ได้ก็จะได้ หรือนายจะไปเลื่อนตั๋วอีกทีหนึ่ง" ตะวันซึ่งเพิ่งเอารูปรถม้าลงอินสตาแกรมเสร็จหันมาพูดอย่างเสียดาย
"เปลี่ยนตั๋วก็ต้องกลับปักกิ่ง แล้วกลับมาใหม่ จะดีเหรอ" ฉันว่า
"เอาเถอะ เท่านี้ผมว่าก็วิเศษแล้ว รอให้เขาสามารถขุดแต่งส่วนที่เหลือได้ทั้งหมด แล้วเราค่อยกลับมาดูกันก็ได้ ผมเชื่อว่าในชั่วชีวิตของเราต้องได้ดูแน่นอน" พัลลภพยายามให้กำลังใจเพื่อน
"ไปกันเถอะ ไกด์กวักมือเรียกแล้ว เย็นนี้เรายังต้องไปช้อปปิ้งก่อนขึ้นรถไฟด้วยนะ" ฉันว่า
"ช้อปปิ้งเหรอ งั้นก็รีบไปกันสิ เดี๋ยวจะไม่ทันรถ" เมธีว่า ก่อนจะเดินนำเพื่อนตามคณะไป
"อยู่นานกว่านี้ สงสัยกระเป๋าเดินทางของเมธีคงแตกแหงๆ" ตะวันว่ายิ้ม ก่อนหันไปสบตากับสุสานหุ่นทหารจิ๋นซีอีกครั้งเป็นการอำลา
"บ๊ายบาย Terra cotta"
ฉันได้ยินเสียงแว่วมาจากพัลลภ
พื้นที่ขุดพบในช่วงแรกกับปัจจุบันที่มีต้นไม้ปกคลุม
พัลลภ สามสี