จีนปริทรรศน์: ระเบียบใหม่ๆ ในกรุงปักกิ่ง
  2012-06-13 16:28:25  cri

ภายในปีนี้มีเรื่องใหม่ๆ เกิดขึ้นในกรุงปักกิ่งจำนวนมาก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับชาวต่างชาติ และมีบ้างที่เกี่ยวข้องกับทุกคน

ที่บอกว่าเกี่ยวกับชาวต่างชาติก็ได้แก่ การเคร่งครัดเกี่ยวกับวีซ่านักท่องเที่ยวและวีซ่าทำงาน ซึ่งได้กล่าวไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นก็มีการตรวจเข้มนักท่องเที่ยวตามสถานที่สำคัญที่มีคนพลุกพล่าน มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและอาสาสมัครเข้าไปดูแลความเรียบร้อยในสถานที่ต่างๆ อาทิ โฮ่วไห่ หนานหลัวกู่เซี่ยง ซานหลี่ถุน อู่เต้าโข่ว เป็นต้น

นอกจากนี้ในการเดินทางระหว่างมณฑล หากชาวต่างชาติต้องโดยสารรถสาธารณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถบัสหรือรถไฟ จำเป็นจะต้องแสดงสำเนาพาสสปอร์ต จะเป็นแบบถ่ายเอกสารหรือแบบดิจิตอลก็ได้ และถ้าเป็นตัวจริงได้ยิ่งดี ไม่เช่นนั้นพนักงานขายบัตรโดยสารจะไม่สามารถดำเนินการให้ได้ ผิดกับแต่ก่อนที่อิสระถึงขนาดว่าซื้อโดยไม่ต้องระบุชื่อหรือเลขพาสปอร์ตด้วยซ้ำ ซึ่งต่อมาก็ขอแต่ตัวเลข โดยไม่จำเป็นต้องเห็นว่าหน้าตาและตัวจริงเป็นอย่างไร

"ฉันไม่สามารถขายตั๋วให้ได้หรอก เพราะด้านในห้องนี้มีกล้องวงจรปิดอยู่ ทางการเข้มงวดมาตั้งแต่ต้นเดือนนี้แล้ว โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติ" พนักงานบู้ทจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟและรถประจำทางไม่ไกลจากออฟฟิศซีอาร์ไอบอกเสียงดัง ขณะเราพยายามซื้อตัซโดยไม่แสดงพาสปอร์ต ซึ่งแม้จะอ้างถึงความเร่งด่วนในการเดินทาง หรือแม้กระทั่งโทษทางการปักกิ่งที่ไม่ประกาศต่อชาวต่างชาติให้ชัดเจน ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมปล่อยตั๋วให้อย่างเด็ดขาด

ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้เป็นต้นมา ทางการปักกิ่งได้เข้มงวดต่อชาวต่างชาติที่ต้องการโดยสารรถประจำทางที่ต้องจองบัตรโดยสารล่วงหน้าแบบนี้ด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ที่เจน เพียงแค่แจ้งหจ้าหน้าที่ขายตั๋ว ไว้ให้บอกชาวต่างชาติเวลามาซื้อ

ซึ่งนั่นก็ทำให้อารมณ์เสียอยู่พอควร หากวันนั้นไม่ได้พกพาสสปอร์ตติดตัว และลำบากให้เพื่อนที่เมืองไทยส่งสำเนาทั้งในรูปแบบถ่ายเอกสารหรือดิจิตอลมายืนยัน หากต้องการจองตั๋วรถไฟล่วงหน้า

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราเป็นการสร้างหลักประกันด้านความปลอดภัย ขณะที่อยู่ในประเทศจีนให้คนทุกชาติจากทั่วโลก

สิ่งใหม่ๆ อีกอย่างก็คือ ค่าโดยสารแท็กซี่ที่ต้องจ่ายเพิ่ม 3 หยวนจากราคาที่ปรากฎอยู่บนมิเตอร์ หากสังเกตให้ดีในรถแท็กซี่แต่ละคันจะมีสติกเกอร์ติดอยู่คอนโซลน่ารถด้านข้างคนขับบอกไว้ชัดเจน แถมมีการประกาศอย่างเป็นทางการในหนังสือพิมพ์และรายการข่าวต่างๆ ด้วย

ทั้งนี้เป็นเพราะว่า ค่าน้ำมันและแก๊ซที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ราคาเดิม ซึ่งเคยเริ่มต้นที่ 10 หยวนในตอนกลางวัน และ 11 หยวนในตอนกลางคืนไม่สามารถถึงจุดคุ้มทุนของผู้ขับขี่รถแท็กซี่รับจ้างได้ และแม้ว่าทางการจะให้เงินช่วยเหลือรายละ 300 หยวนต่อเดือนแล้วก็ตาม

ปัญหาราคาน้ำมันนี้เป็นเรื่องที่ปวดหัวของคนขับรถแท็กซี่ทั่วทุกมุมโลก ที่ต้องมีการประท้วงขอขึ้นราคากันอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งที่ประเทศไทยเองด้วย

แต่ที่เมืองจีนไม่สามารถที่จะประท้วงได้ ทำให้รถแท็กซี่บางคันเลือกที่จะไม่ไปส่งผู้โดยสารที่อยู่ไกลเกินไป เพราะว่าเสียเวลาและเปลืองน้ำมัน หากต้องตีรถเปล่ากลับมาหาผู้โดยสารใหม่ในเมือง ซึ่งสร้างความไม่พึงพอใจให้กับผู้ที่ต้องการเดินทางกลับบ้านดึกๆ เพราะแต่ก่อนแท็กซี่ของกรุงปักกิ่งหรือแม้กระทั่งในเมืองใหญ่อื่นๆ ของประเทศจีน หากเรียกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชานเมืองขนาดไหนก็ไป เพราะแต่ก่อนราคาน้ำมันไม่ได้สูงลิบอย่างทุกวันนี้

สำหรับวิธีปฏิเสธของคนขับรถแท็กซี่ของปักกิ่งก็มักจะพูดว่า "ไม่รู้จัก" คือเราเรียกแล้ว เขาคำนวนดูแล้วว่าไกล ก็มักจะพูดแบบนี้ ไม่เหมือนที่เมืองไทย ซึ่งมักจะอ้างว่า "ไปส่งกะ" มั่งล่ะ "ไปเติมแก๊ซ" มั่งล่ะ ซึ่งไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม ก็ล้วนเป็นวิธีหนีลูกค้าบ้านไกลของคนขับแท็กซี่ด้วยกันทั้งนั้น

นอกจากปัญหาราคา ซึ่งเป็นเรื่องใหม่แล้ว ปัจจุบันปัญหาแท็กซี่ไม่พอให้บริการก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทางการกรุงปักกิ่งปวดหัวกันพอสมควร โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งตามบันทึกแล้วกรุงปักกิ่งมีรถแท็กซี่มาถึงราว 80,000 ค้น แต่ที่วิ่งอยู่ตามท้องถนนในทุกวันนี้ไม่ได้มีเต็มจำนวนเหล่านี้ สาเหตุเพราะส่วนหนึ่งเป็นแท็กซี่ที่ขับโดยคนหลังเกษียณ ซึ่งลุงพวกนี้ล้วนมีสวัสดิการชั้นดี การขับแท็กซี่จึงเป็นเพียงงานอดิเรก ส่วนใหญ่จะไปเช่าออกมาเพื่อขับเล่น หรือไม่ก็ขับออกไปชุมนุมกับเพื่อนคนขับรถแท็กซี่ด้วยกัน ไปตั้งวงกันใต้ร่วมไม้นั่งเล่นไพ่ หรือไม่ก็คุยกันสัพเพเหระ ไม่สนใจที่จะวิ่งรับผู้โดยสาร

ปัญหาที่ตามาก็คือ มีแท็กซี่ผีเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก และจริงๆ แล้วแท็กซี่เถื่อนหรือผีนี้ อาจจะราคาถูกกว่า แต่ก็ไม่ปลอดภัยเท่า เพราะอาจจะเป็นมิจฉาชีพแฝงตัวมาก็ได้ ผิดกับแท็กซี่จริงๆ ที่มีใบเสร็จรับเงินให้อย่างถูกต้อง สามารถตรวจสอบราคา และของหายของหล่นก็ติดตามได้จากเบอร์รถที่ระบุอยู่ในบิลล์นั้น

แต่ปัญหาทุกอย่างใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ อย่างในต่างจังหวัดของจีน เช่นที่ซีอาน หรือลั่วหยาง ถ้าเราเรียกรถแท็กซี่ไปสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แล้วปรากฎว่าระหว่างทางเขาจอดรับคนแปลกหน้าขึ้นมาด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเขามีนโยบาย "ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน" ซึ่งไม่ได้ออกระเบียบมาจากทางการแต่อย่างใด หากเป็นพฤติกรรมของคนขับเอง

ไม่แน่ว่าอีกหน่อย ถ้าราคาน้ำมันไม่ลงมาเลย และทางการไม่ได้เพิ่มมาตรการช่วยเหลือ เราอาจจะต้อง "ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน" ในกรุงปักกิ่งบ้างก็ได้

สิ่งใหม่ๆ ในกรุงปักกิ่งอย่างที่สามก็คือ "ระบบการประกันสังคม" ของชาวต่างชาติที่ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายของประเทศจีน ได้รับการคุ้มครองเพิ่มมากขึ้นจนเทียบเท่าชาวจีนแท้แล้ว เพราะมีกฎหมายเกี่ยวกับระบบประกันภัยฉบับใหม่ออกมา โดยกำหนดให้บรษัททุกแห่งที่จ้างชาวต่างชาติให้เพิ่มการจ่ายเงินสนับสนุนในทุกเดือน และชาวต่างที่เข้าร่วมระบบการประกันใหม่นี้ก็จะต้องถูกหักเงินเดือนเพิ่มอีกร้อยละ 10

ระบบการประกันใหม่นี้ครอบคลุมถึงการลาคลอดบุตรของชาวต่างชาติที่สามารถยื่นลาได้อย่างน้อย 3 เดือน รวมถึงฝ่ายสามีก็สามารถลาไปช่วยภรรยาเลี้ยงดูบุตรได้ด้วย หรือหากสามีไม่ต้องการลา ฏ็สามารถโอนวันหยุดหลังคลอดให้กับภรรยาก็ได้ด้วย ส่วนระบบการรักษาพยาบาลต่างๆ ในกรณีเจ็บไข้ได้ป่วยก็สามารถเบอกคืนได้ในอัตราสูงสุด รวมถึงระบบการประกันการว่างงานด้วย หากเราเป็นผู้ประกันตนในระบบนี้แล้ว สามารถไปรับเงินสำหรับคนว่างงานได้ ในกรณีที่รองานประจำใหม่อยู่

ซึ่งคาดว่าระบบประกันใหม่นี้น่าจะออกมาเพื่อรองรับการขอยื่นพักอาศัยถาวรของชาวต่างชาติในประเทศจีน(กรีนการ์ด) ที่ล่าสุดมีการอนุมัติไปแล้วหลายรายด้วยกัน และเป็นนโยบายยใหม่ของรัฐบาลจีนในปีนี้เช่นกัน

นี่คือสาระประโยชน์ใหม่ๆ เรื่องใกล้ๆ ตัวที่ควรรู้ก่อนมาเมืองจีนในปีนี้

พัลลภ สามสี

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040