ภายในเกสต์เฮ้าส์ เซียง จื้อ เหมิน
"พอดีว่าตะวัน วัตุยา ตั้งใจมาปักหลักที่ปักกิ่งประมาณ 3 เดือน เพื่อมองความเป็นไปในสังคม และเขาต้องการบันทึกสิ่งที่เขาพบนี้ในผลงานแสดงเดี่ยวชุดใหม่ที่วางใจไว้ว่าจะเกิดขึ้นที่ศูนย์ศิลปะ 798 ประจวบกับเมธีมีเวลาว่างจากงานศิลปะที่เสร็จหมาดๆ ที่เชียงใหม่ และรอเวลาทำอัลบั้มกับโมเดิร์น ด็อกชุดใหม่ และยุรีเองก็เพิ่งวางมือจากงานชุดล่าสุด จึงเดินทางมาสมทบ"
"ส่วนซีอานเป็นจุดหมายที่ผมและตะวันกรอกหูให้ทั้งสองคนอยากไปในที่สุด เพราะตอนแรกเมธีกับยุรีตั้งใจจะไปเซี่ยงไฮ้ เราก็พยายามบอกว่าเซี่ยงไฮ้ไปเมื่อไรก็ได้ ที่สำคัญที่นั่นก็เป็นเมืองทันสมัยไม่ต่างจากปักกิ่ง สู้มุ่งไปเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศจีน และไปดูหุ่นทหารในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้จะดีกว่า เพราะอย่างน้อยในฐานะที่ทั้งสามเป็นศิลปิน การได้ไปเห็นความรุ่งโรจน์ของศิลปะจีน โดยเฉพาะงานประติมากรรมที่เกิดขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อนจะไม่ดีกว่าหรือ ในที่สุดจึงตกลงกัน และจุดหักก็อยู่ที่การเลื่อนตั๋วขากลับของทั้งคู่นั่นเอง"
เมื่อตั๋วเครื่องบินถูกระบุวันเดินทางกลับใหม่แล้ว เราทั้งห้าคนก็จองตั๋วรถไฟแบบตู้นอนบนการเดินทางหนึ่งคืนจากปักกิ่งไปซีอานทันที แต่เนื่องจากความละล้าละลังและระบบการจองตั๋วสำหรับชาวต่างชาติซับซ้อนกว่าแต่ก่อน ท้ายที่สุดเราจึงได้เตียงนอนชั้นบนแยกกันเป็นคนละตู้
แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรค เพราะพลพรรคคนรักซีอานได้ไปรวมตัวกันที่ตู้เสบียงหมายเลข 12
ที่นี่นอกจากทำให้เราสามารถสนุกกับค่ำคืนแรกบนรถไฟจีนด้วยกันได้แล้ว ยังได้ประสบการณ์ใหม่ว่าระบบขายของในรถไฟจีนไม่เหมือนกันบ้านเรา ตู้เสบียงของที่นี่จะคั่นระหว่างตู้นอนพิเศษกับตู้นั่ง ทำให้คนที่ซื้อตั๋วนั่งซึ่งเบียดเสียดและต้องยืนกันบ้างตลอดเส้นทางเป็นเรื่องปกติทะลักเข้ามาในพื้นที่สาธารณะแห่งนี้ ซึ่งถ้าไม่มีมาตรการใดๆ ผู้คนก็ย่อมจะต้องมากยิ่งขึ้นจนรับไม่ไหว
วิธีการก็คือ บริกรบนรถไฟจะไม่อนุญาตให้สั่งแค่เครื่องดื่มเท่านั้น เพราะเครื่องดื่มนั้นได้สัปทานให้กับอีกบริษัทหนึ่งที่เข็นขายไปตามตู้ต่างๆ เท่านั้น ถ้าต้องการนั่งโต๊ะในตู้เสบียงต้องสั่งอาหารเท่านั้น และสั่งน้อยกว่าหนึ่งอย่างก็ไม่ได้ หรือสั่งเป็นชุดได้ยิ่งดี ด้วยราคาอาหารชุดนี้เองทำให้ไม่มีคนกล้ามานั่งมากนัก ซึ่งคนไทยก็ไม่ได้ฉลาดน้อยไปกว่าชาติใดในโลก เพราะเราสั่งสองอย่างสำหรับ 5 คน และสั่งเครื่องดื่มต่างหาก บริกรจึงว่าไม่ได้ เพราะทำตามกติกาที่ว่าต้องสั่งมากกว่าหนึ่งอย่างแล้ว แถมยังราคาถูกกว่าสั่งอาหารชุดที่บางอย่างเราไม่ต้องการรับประทานเป็นไหน
ราตรีล่วงไปราวเที่ยงคืน ซึ่งพัลลภลี้ไปนอนก่อนตั้งแต่ราวสี่ทุ่มแล้วเห็นจะได้ และเราก็ทนกับการรบกวนของบริกรสาวร่างท้วมที่มากระแซะให้เราลุก โดยการพยายามเก็บจานที่เรารับประทานเจียนหมดไปให้ได้ เพราะตอนนี้มีคนมายืนจ่อรอนั่งมากขึ้นกว่าเดิม และสายตาที่มองมายังกลุ่มของเราก็มีทั้งอาฆาตมาดร้ายและวิงวอน สุดท้ายเราจึงยอมสละโต๊ะซึ่งจะกลายเป็นเก้าอี้ดนตรีให้กับคนที่ต้องการที่นั่งไปยังที่หมายให้คลายเมื่อยตลอดอีกครึ่งค่อนคืนที่เหลือกว่าจะถึงกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง
และที่รู้ว่าใกล้จะเที่ยงคืนก็เพราะว่าพัลลภเดินงัวเงียมาตามพวกเราให้กลับไปที่ตู้ของตัวเอง ด้วยว่ามีคนพยายามจะขึ้นมานอนแทน สาเหตุไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นเจตนาร้าย แต่ผิดที่เราบางคนไม่ได้เปลี่ยนตั๋วเป็นบัตรแข็ง ทำให้พนักงานตรวจคิดว่าเราไม่ได้ขึ้นรถมา จึงส่งข้อความไปยังสถานีต่อไปว่ามีที่ว่าง สถานีแห่งนั้นก็ทำการขายตั๋วนั้นต่อทันที แต่ปรากฏว่าพัลลภไม่ยอม ไม่เช่นนั้นเราบางคนก็จะไม่มีที่ซุกหัวนอน โดยอ้างว่าเราเป็นชาวต่างชาติไม่รู้ว่าต้องเปลี่ยนตั๋ว ก็นึกว่าซื้อแล้วก็ซื้อเลย จองแล้วยังไงก็ต้องเป็นของเรา
และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งให้ทุกคนต้องถอนกำลังออกจากตู้เสบียงกลับไปประจำเตียงของตนพร้อมบัตรแข็งเหน็บกระเป๋ากางเกงคนละใบจากนายตรวจที่ทำหน้าไม่รับแขก เพราะเขาต้องไปจัดการหาที่ใหม่ให้กับหนุ่มหน้ามนที่ขึ้นรถมากลางดึกด้วยความดีใจว่าจะได้ที่นอน
สถานีรถไฟซีอานอยู่ติดกับริมกำแพงเมืองโบราณ ผู้คนพลุกพล่านเหมือนเช่นทุกหัวเมืองในจีน ผิดแผกแต่ว่าที่นี่จะมีผู้โดยสารที่เป็นชาวต่างชาติปะปนมาด้วยจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มของเราเองก็เช่นกัน เพียงแต่ว่ารูปร่างและหน้าตาอาจจะไม่โดดเด่นจนแตกต่างจากคนจีนไปเหมือนพวกฝรั่งดั้งขอก็เท่านั้น และสิ่งนี้ก็นับเป็นประโยชน์อย่างหนึ่งของการเที่ยวใจจีนเช่นกัน เพราะจะไม่ถูกโขกราคาและไม่ถูกฉกฉวยจากมิจฉาชีพที่แฝงเร้นอยู่ในหมู่คนดีด้วย ยิ่งหน้าตาของยุรีที่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นแล้วด้วย ยิ่งกลมกลืนไปกับสาวๆ แถวนี้ได้อย่างดี พอๆ กับตะวัน ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นคนมองโกล เกาหลี ญี่ปุ่น หรือจีน เมื่อมาอยู่ที่นี่จึงเป็นจีนไปโดยปริยาย เพราะคนเชื้อชาติเหล่านั้นมีอยู่ในจีนทั้งสิ้น