พื้นที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตานี้ หากมองจากด้านบนเหมือนกับว่าหุ่นทหารเหล่านี้มีขนาดเล็กนิดเดียว แต่พอเดินไปยังจุดที่สามารถมองเห็นใกล้ กลับพบว่าหุ่นแต่ละตัวมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งทราบจากไกด์ว่าถูกปั้นขึ้นให้มีส่วนสูงเท่ากับทหารที่มีชีวิตอยู่ในสมัยนั้นจริงๆ และหน้าตา รวมถึงการแต่งกายของแต่ละตัวก็ไม่เหมือนกัน นั่นก็เพราะคนทหารของจิ๋นซีในสมัยนั้นมาจากการรวมก๊กต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้เครื่องแบบของทหารไม่เหมือนกัน จะให้เปลี่ยนให้เหมือนก็ไม่มีงบประมาณขนาดนั้น เพราะว่าเพิ่งผ่านการศึกใหญ่มาหลายปี เมื่อถูกนำมาเป็นแบบปั้น จึงปรากฎลักษณะที่หลากหลายเช่นนี้ออกมา
นอกจากนี้การจัดวางกำลังพลของแถวรูปปั้นทหารก็ทำตามจริงทุกประการ ตั้งแต่ทหารราบ หารประจำเกาทัณฑ์ ทหารหอก ทหารดาบ ทหารม้า และนายพลกรมกองต่างๆ
โดยเฉพาะหุ่นม้านั้นสูงใหญ่ เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ สีหน้าของมันราวกับพร้อมทะยานไปสู่การศึกอยู่ทุกเมื่อ
ส่วนที่สามคือไฮไลต์หลักของการเข้าชมครั้งนี้ เพราะเป็นที่แสดงหุ่นทหารที่มีการลงสีไปตามเสื้อผ้าบนตัวให้เหมือนจริงด้วย แม้จะผ่านมาหลายพันปี แต่หุ่นทหารบางตัวยังคงสามารถเห็นร่องรอยของสีที่ติดอยู่ได้ อีกทั้งรายละเอียดของเครื่องแต่งกาย เสื้อเกราะ สีหน้า ท่าทาง ทรงผม และหมวก ถูกปั้นอย่างประณีต เก็บรายละเอียดไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อว่า ศิลปะแห่งประติมากรรมในยุคนั้นจะเจริญขนาดนี้ แม้กระทั่งรอยยับของเสื้อผ้าบริเวณข้อศอกและไหล่ยังปั้นได้พลิกพริ้วเหมือนจริง อีกทั้งสีหน้าที่ดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
หุ่นทหารที่สมบูรณ์ที่สุดซึ่งถูกค้นพบที่นี่เป็นทหารมือยิงธนูที่อยู่ในท่านั่ง มือข้างหนึ่งกำคันธนู มืออีกข้างจับลูกศร มีรอยการเขียนสีให้เห็นอยู่ตามตัวแระปราย และยังเห็นรอยปุ่มรองเท้าชัดเจนแจ่มแจ้ง
เพื่อนศิลปินทั้งสามคนต่างยืนมองอย่างทึ่งในความสามารถของคนจีนโบราณ ทุกคนต่างพูดกันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และพูดไม่ขาดปากว่าดีใจที่ตัดสินใจมาซีอาน ถ้าไปเซี่ยงไฮ้ ชีวิตนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะได้มาที่นยี่อีกหรือไม่ เสร็จแล้วก็แยกกันไปเดินพินิจพิจารณาและถ่ายรูปกันไม่หยุด
ในมุมมองของศิลปินนั้น ไม่อาจรู้ได้ว่าสิ่งที่เขาพบเห็นกันที่นี่จะมีความรู้สึกกันไปแบบใด ก็คงเหมือนการดูผลงานศิลปะโดยทั่วไปส่วนหนึ่ง นั่นก็คือว่า สิ่งที่สามารถซับซับกับผลงานศิลปะตรงหน้านั้นย่อมมาจากประสบการณ์พื้นฐานที่แตกต่างของแต่ละคน
"เรารู้แล้วว่าจะวาดรูปอะไร เรากับตัวเองเสมอว่าปักกิ่งไม่ใช่ประเทศจีน สิ่งที่พบเห็นที่นั่นยังไงก็ไม่พอ และเฝ้าบอกตัวเองเสมอว่าต้องมาซีอานให้ได้ และที่นี่ก็มีคำตอบให้กับเราจริงๆ" ฉันได้ยินตะวันพูดกับพัลลภขณะยืนพิจารณาหุ่นทหารมือยิงธนูอีกตัวที่มีลีลาพลิกพริ้มอ่อนไหว ทั้งโครงสร้างร่างกายและหน้าตา
ถ้าไกด์มีเวลาให้เราสุกครึ่งวัน เราทั้งห้าคนก็น่าจะจมจ่อมอยู่ที่นี่ได้โดยไม่ต้องกินข้าวปลา แต่ความจริงก็คือความจริง เพราะเรามีเวลาเสพสัมผัสความยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์นี้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
เมื่อเดินออกมาด้านหน้าห้องแสดง ปรากฎว่าทุกคนที่ร่วมเดินทางมาในรถตู้คันเดียวกัน ออกมานั่งๆ ยืนๆ รอกันอยู่หมดทุกคนแล้ว
"ไอ้เด็กอเมริกันพวกนี้มันจะมาทำไมกัน เดินดูไม่ทันถึง 5 นาที มันก็ออกมารอก่อนทุกที แถมทำหน้าบึ้งใส่เราด้วยที่ออกมาช้า" ฉันว่า
"ช้าไม่ถึง 5 นาทีเนี่ยนะ" เมธีชะโงกมองดูเวลาที่ข้อมือของยุรี ซึ่งเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ผูกนาฬิกามาด้วย
"เราสังเกตหลายทีแล้ว ตั้งแต่ที่โรงปั้นหลอกขายนั่นแล้ว มันออกมาก่อนทุกที มาที่นี่ มันก็เดินผ่านๆ กัน ไม่รู้จะมาทำไมถ้าไม่สนใจ" ตะวันพูดอารมณ์ขุ่น
"สงสัยพวกมันมาเก็บพ้อยต์อ่ะ เด็กมันไม่สนหรอก มาให้ถึง มีรูปถ่ายไปอวดเพื่อนก็พอแล้ว กลับบ้านแล้วมันก็คงเอาไปลงในเฟซบุ๊กว่าเคยมาแล้วนะ" ฉันสัมทับ
"ช่างมันเถอะ เรารีบตามไกด์ไปอีกที่หนึ่งนั่นก่อนะเถอะ เดี๋ยวมีเวลาดูน้อย" พัลลภพูดกับเพื่อน แต่สายตาจับอยู่ที่สาวชุดกระโปรงกรุยกรายสีเหลืองสด ก่อนกันมาถามฉันเบาๆ ว่า "เธอว่าสาวคนนั้นกระโปรงมันมีซับในไหมอ่ะ"
ฉันหันตามสายของของเขาไป แม้สาวชุดเหลืองนั้นจะเดินออกห่างไปแล้ว แต่แสงแดดที่ลอดทะแยงมานั้นบอกได้เลยว่า...."ใส่แหละ ใครเขาจะไม่ใส่กัน บัดสีบัดเถลิงหมด ไปๆ ไปดูพิพิธภัณฑ์ดีกว่า เจริญหูเจริญตากว่าเยอะ"
รูปแบบการแต่งกายที่ต่างกัน แสดงให้เห็นระดับยศที่แตกต่างกันด้วย
สิ้นคำเราก็กุลีกุจอเดินกึ่งวิ่งตามคณะไปให้ทัน
ซึ่งที่สุดท้ายนี้มีเวลาให้อีกครึ่งชั่วโมงเช่นเคย และเป็นใน่ส่วนของพิพิธภัณฑ์จริงๆ ไม่ใช่ส่วนที่แสดงให้เห็นว่ากำลังขุดค้น เพราะนี้เป็นโบราณวัตถุที่ถูกกยขึ้นมาแสดง และที่สำคัญยังเป็นที่แสดง "รถม้าที่ทำจากทองแดง" ที่สมบูรณ์ที่สุดที่สามารถขุดค้นพบในแหล่งขุดค้นทั้งสามแห่งนี้
ซึ่งเป็นชิ้นงานที่สมบูรณ์มาก ตื่นใจว่าในขณะที่ยุคนั้นทางฝรั่งยุโรปยังเพิ่งรู้จักการผลิตงานศิลปะหยาบๆ อยู่เลย แต่ฝั่งจีนสามารถหลอมทองแดงขึ้นมาเป็นรูปทรงมนุษย์ เกวียน และม้าได้อย่างสวยงามขนาดนี้ได้อย่างไร
ซึ่งมัคคุเทศน์ของเราบอกว่า รถม้านี้ถูกฝั่งพร้อมกันกับเหล่าหุ่นทหาร แต่ที่มีขนาดเล็กกว่า เพราะในสมัยนั้นการถลุงแร่ทองแดงยังทำได้ไม่ดีนัก จึงมีมีจำนวนไม่พอที่จะทำให้มีขนาดใหญ่เท่าตัวจริงเหมือนหุ่นดินเผา