หนังสือ "บันทึกลีลาการทูตของเติ้งเสี่ยวผิง" เขียนโดยจอง เหวิน และ เหวินฟู นักวิจัยจากสำนักวิจัยหนังสือที่มีค่าทางประวัติศาสตร์และสำนักวิจัยประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หน่วยงานในสังกัดคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน หนังสือเล่มนี้บันทึกผลงานด้านการทูต โดยเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ทางการทูตที่เติ้งเสี่ยวผิงมีส่วนร่วม และการติดต่อไปมาหาสู่กันกับนักการเมืองที่มีชื่อเสียงทั่วโลกของเติ้งเสี่ยวผิง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ทางด้านการทูต และการเป็นนักวางยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของเติ้งเสี่ยวผิง
ในรายการวันนี้ เราจะถ่ายทอดสาระจากหนังสือเล่มนี้ ตอนที่ 4 ที่มีชื่อว่า "ตัดสินใจจะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐอเมริกา" ขอเชิญท่านติดตามรับฟัง
ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกามีความสำคัญยิ่งต่อทั้งสองประเทศ เมื่อปี 1972 นายริชาร์ด นิกสัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางมาเยือนจีน ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกาได้รับการปรับปรุงดีขึ้น ช่วงการเยือนจีน นายริชาร์ด นิกสันรับปากกับนายโจว เอินไหล นายกรัฐมนตรีจีนว่า หลังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง จะรีบดำเนินการเพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนเป็นปกติ แต่น่าเสียดาย ปี 1974 นายริชาร์ด นิกสันต้องลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี เพราะมีส่วนเกี่ยวพันกับคดีวอเตอร์เกต คือคดีดักฟังข้อมูลของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ต่อมา นายเจอรัลด์ ฟอร์ด ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ด้วยสาเหตุต่างๆ เขาไม่สามารถทำให้คำมั่นสัญญาของนายริชาร์ด นิกสันที่จะให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนเป็นปกตินั้นกลายเป็นจริงขึ้น
ปี 1977 นายเติ้ง เสี่ยวผิง กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลจีนอีกครั้ง โดยดูแลงานด้านการทูตและการศึกษา ช่วงเวลานั้น นายจิมมี คาร์เตอร์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาตั้งเป้าหมาย จะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ปี 1977 นายจิมมี คาร์เตอร์ที่เพิ่งรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯยังไม่ถึง 20 วันได้พบปะกับนายหวงเจิ้ง ผู้อำนวยการสำนักประสานงานของจีนประจำสหรัฐฯ เขากล่าวกับนายหวงเจิ้งว่า รัฐบาลชุดใหม่มีนโยบายที่จะให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนเป็นปกติ โดยทางสหรัฐฯจะถือแถลงการณ์ร่วมเซี่ยงไฮ้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต นายจิมมี คาร์เตอร์ยังกล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 1972 เป็นต้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนได้รับการปรับปรุงดีขึ้น ขณะนี้ ต้องเร่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม และการค้า เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่สนิทแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และบรรลุเป้าหมายที่ระบุไว้ในแถลงการณ์ร่วมเซี่ยงไฮ้
ด้านนายหวงเจิ้ง ตอบว่า หลังจากนายริชาร์ด นิกสัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางมาเยือนจีน และออกแถลงการณ์ร่วมเซี่ยงไฮ้ ผู้นำ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงหลายคนของสหรัฐฯ เช่น นายฟอร์ด อดีตประธานาธิบดี และดร. เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เดินทางไปเยือนจีน ซึ่งล้วนได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประธานเหมา เจ๋อตง และนายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล ทั้งนี้ได้เพิ่มพูนความเข้าใจและมิตรภาพระหว่างกัน
นายจิมมี คาร์เตอร์กล่าวกับนายหวงเจิ้งว่า ผู้นำสหรัฐฯหลายคนเคยเดินทางไปเยือนจีนมาแล้ว จึงหวังว่า ผู้นำจีนจะเดินทางมาเยือนสหรัฐฯบ้าง ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีโอกาสต้อนรับผู้นำจีน
ต่อการเชื้อเชิญของนายจิมมี คาร์เตอร์ นายหวงเจิ้งกล่าวว่า เรายินดีต้อนรับผู้นำสหรัฐฯที่เดินทางมาเยือนจีน สำหรับผู้นำจีนคงยังไม่สะดวกที่จะเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ เพราะว่า ขณะนี้ สหรัฐฯยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน และความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯยังไม่ได้เป็นปกติ
ต่อมา ในวันที่ 22 สิงหาคมปี 1977 นายจิมมี คาร์เตอร์ส่งนายโรเบิร์ต แวนซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางมาเยือนจีน เพื่อทาบทามเรื่องเชิญผู้นำจีนไปเยือนสหรัฐฯ
ค่ำวันเดียวกัน นายหวงหวา รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเจรจากับนายโรเบิร์ต แวนซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯที่กรุงปักกิ่ง นายโรเบิร์ด แวนซ์เป็นผู้หยิบยกปัญหาไต้หวัน ซึ่งเป็นปัญหาละเอียดอ่อนขึ้นมาพูดก่อน เขากล่าวว่า สหรัฐฯต้องการให้จีนรับปากว่า จะไม่แก้ไขปัญหาไต้หวันด้วยกำลังอาวุธ ส่วนทางด้านสหรัฐฯ จะลดระดับความสัมพันธ์กับไต้หวันจากระดับสถานเอกอัครราชทูตมาเป็นระดับสำนักงานประสานงาน ขณะที่สหรัฐฯจะยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับแผ่นดินใหญ่จีนจากระดับสำนักงานประสานงานมาเป็นระดับคณะการทูตอย่างเป็นทางการ
แต่ข้อเสนอนี้ถูกนายหวงหวาปฏิเสธ เพราะทางจีนเห็นว่า ข้อเสนอของสหรัฐฯเป็นการถอยหลังจากจุดยืนเดิม
วันรุ่งขึ้น นายเติ้ง เสี่ยวผิงพบปะเจรจากับนายโรเบิร์ด แวนซ์และคณะ พอเจอหน้ากัน นายเติ้ง เสี่ยวผิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ปี 1975 ท่านเดินทางมาเยือนจีนเป็นครั้งแรก ระหว่างการเยือน ข้าพเจ้าเคยพบปะเจรจากับท่าน หลังจากนั้นไม่นาน ข้าพเจ้าก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำ การพูดอย่างเป็นกันเองของนายเติ้ง เสี่ยวผิงทำให้บรรยากาศในห้องประชุมไม่ตึงเครียด จากนั้น ทั้งสองฝ่ายเริ่มการเจรจาอย่างเป็นทางการ นายแวนซ์ได้ย้ำจุดยืนของสหรัฐฯอีกครั้ง ด้านนายเติ้ง เสี่ยวผิงขานรับด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นว่า จุดยืนของสหรัฐฯเป็นการถอยหลังจากแถลงการณ์ร่วมเซี่ยงไฮ้ ถ้าจะให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะปกติ สหรัฐฯต้องยกเลิกสนธิสัญญาว่าด้วยการร่วมกันป้องกันไต้หวันที่ได้ลงนามกับทางการไต้หวัน ถอนทหารออกจากไต้หวัน และตัดควาามสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน อย่างไรก็ตาม จีนได้คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงแห่งความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับไต้หวัน จึงเห็นด้วยที่จะให้สหรัฐฯรักษาคาวมสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับไต้หวัน การรวมจีนเข้าเป็นปึกแผ่นเดียวกันนั้นถือเป็นเรื่องของชาวจีนเอง จึงต้องให้ชาวจีนแก้ไขปัญหานี้ด้วยตนเอง
คำพูดของนายเติ้ง เสี่ยวผิงเฉียบขาดมาก ทำให้นายแวนซ์ไม่สามารถโต้ตอบได้ เนื่องจากจุดยืนของทั้งสองฝ่ายห่างกันมาก การเยือนจีนของนายแวนซ์ครั้งนี้จึงไม่ประสบความสำเร็จ