รายการประกวดนี้ได้เชิญชวนนักเรียนจากทั่วประเทศ ทุกมณฑล เขตปกครองตนเอง นคร 31 แห่ง ที่รวมถึงฮ่องกง มาเก๊าและไต้หวันด้วย ผู้สมัครมีอายุประมาณ 14 ปี ในการประกวดรอบคัดเลือกมีผู้สมัคร 160 คน แบ่งออกเป็น 32 ทีม ทีมละ 5 คน และผ่านการแข่งขัน 3-4 รอบ แย่งชิงโควตาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ 15 คน และชิงแชมป์การแข่งขันในที่สุด เพื่อไม่กระทบการเรียนของนักเรียน รายการนี้ได้บันทึกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน และเริ่มออกอากาศตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม
รายการประกวดนี้ได้เชิญชวนศาสตราจารย์เจียง หลันเซิง ผู้อำนวยการสำนักงานภาษาและสถาบันสังคมศาสตร์ของจีน เป็นหัวหน้าคณะกรรมการตัดสิน ซึ่งผู้ตัดสินทั้งหมดเป็นบรรณาธิการระดับสูงของ "พจนานุกรมภาษาจีนปัจจุบัน" ซึ่งเป็นพจนานุกรมมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปของประเทศจีน ผู้เชี่ยวชาญได้พิจารณาคำและตัวอักษรที่เป็นเนื้อหาการประกวดอย่างละเอียดและจริงจัง เพื่อประกันความถูกต้องและความชอบธรรม ระหว่างการประกวด คณะกรรมการตัดสินจะอธิบายความหมาย การออกเสียงและการเขียนที่ถูกต้องให้กับผู้สมัครที่เขียนผิดด้วย
ช่องการศึกษาและวิทยาศาสตร์ยังเชิญชวนผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมจีนที่ได้รับความนิยมอย่างมากเป็นพิธีกรการร่วมในอธิบายคำและสภาพการแข่งขันให้กับผู้ชมโทรทัศน์ ทำให้ผู้ชมสามารถได้ความรู้ด้านภาษาขณะที่ชมรายการไปด้วย
ในอีกด้านหนึ่ง รายการประกวดการเขียนภาษาจีนจะเชิญชวนพิธีกรที่มีชื่อเสียงของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีเป็นผู้อ่านคำถาม ซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้อย่างมากด้วย นายจินแยว่แนะนำว่า พิธีกรเหล่านี้อ่านข่าวสำคัญทุกวัน จึงไม่เหมาะที่จะเข้าร่วมรายการบันเทิงทั่วไป แต่การประกวดเขียนภาษาจีนมีลักษณะการสืบทอดวัฒนธรรม และมีความต้องการการออกเสียงจีนกลางอย่างถูกต้อง เพื่อประกันให้มีความเสมอภาคในการแข่งขัน ความสามารถที่อ่านคำอย่างช้า ชัดเจนและถูกต้อง ต้องการการฝึกซ้อมเป็นเวลาหลายปี ไม่ใช่พิธีกรทุกคนสามารถทำได้
ลำดับการเข้าแข่งขันจะใช้วิธีการจับฉลาก โดยผู้เข้าแข่งขันจะนั่งอยู่ข้างเวที และขึ้นศูนย์กลางเวทีเขียนตามคำบอกครั้งละคนเดียว ผู้ตั้งคำถาม ซึ่งเป็นพิธีกรโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียงมาก จะอ่านคำ 1 คำให้ผู้เข้าแข่งขันเขียน ถ้าเป็นคำพ้องเสียงที่เขียนได้หลายแบบ หรือผู้เข้าแข่งขันไม่เข้าใจว่าเป็นคำไหน พิธีกรจะอธิบายความหมายอย่างละเอียด เมื่อผู้แข่งขันไม่มีความสงสัยต่อคำถาม ก็จะต้องเขียนคำตอบภายในเวลา 30 วินาที เมื่อถึงเวลาแล้ว จอสกรีนขนาดใหญ่จะปรากฏคำที่ถูกต้องและคำที่ผู้แข่งขันเขียนออกมา กรรมการตัดสิน 3 ท่านจะตัดสินว่าผู้แข่งขันเขียนได้ถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้อง ผู้แข่งขันคนนี้ก็กลับไปยังที่นั่งของตนเอง ถ้าไม่ถูกต้อง ก็ตกรอบไป และในรอบสุดท้าย ผู้ชิงแชมป์ต้องเขียนคำตอบสุดท้ายให้ถูกต้องจึงจะสามารถชนะได้ ถ้าเขียนผิด ผู้แข่งขันจะต้องเริ่มการประกวดรอบใหม่แต่ต้น จนถึงได้แชมป์ที่แท้จริง
สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่ในห้องบันทึกเทปไม่เพียงสามารถเข้าชมการแข่งขันอย่างใกล้ชิดเท่านั้น ยังมีหน้าที่เข้าร่วมการแข่งขันด้วย โดยจะต้องเขียนตามคำที่พิธีกรบอกไปพร้อมกับผู้แข่งขันที่เป็นนักเรียน แต่เป็นเพียงการเข้าร่วมแบบหนึ่งเท่านั้น ไม่มีการประกาศผู้ชนะคัดเลือกแชมป์ด้วย
รายการประกวดนี้ก็เป็นที่นิยมของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตด้วย โดยต่างชื่นชมว่า การประกวดการเขียนภาษาจีนสนุกจริงๆ เพราะในชีวิตและการทำงาน เราใช้คอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเขียนด้วยปากกาแล้ว และโอกาสการเขียนก็มีน้อยลง อย่างมากก็เซ็นชื่อตนเอง แม้ว่าเห็น อ่านและพิมพ์ภาษาจีนทุกวัน แต่รู้สึกแปลกหน้าลงเรื่อยๆ ดังนั้นควรจัดรายการประเภทนี้ให้มากขึ้น เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมไม่ให้สูญหายไป บางคนบอกว่า รายการนี้เป็นรายการโทรทัศน์ดีเยี่ยมที่สุดในปัจจุบัน ความสวยงามและประวัติศาสตร์ของภาษาจีนไม่ควรลืม บางคนบอกว่า ถ้ามีลูก จะพาลูกเข้าร่วมการประกวดด้วย บางคนยังกล่าวว่า การประกวดการเขียนภาษาจีนเป็นไอเดียที่ดี และมีนัยสำคัญ ทำให้เธอและน้องสาวตัดสินใจติดต่อกันด้วยวิธีการเขียนจดหมายหากันทุกสัปดาห์ ทีแรกรู้สึกบางคำเขียนยากมาก แต่ต่อมาก็เตือนตนเองว่า ต้องค้นหาในพจนานุกรมและท่องจำคำให้มากขึ้น รายการนี้ดีมาก เตือนผู้คนในปัจจุบันให้ไม่ลืมวัฒนธรรมและภาษาของเรา
ในรายการประกวดครั้งนี้ มีคำหนึ่งที่ใช้กันทั่วไปเรียกว่า "癞蛤蟆" ซึ่งหมายความว่า คางคก แต่ในกลุ่มผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมในห้องออกอากาศ มีเพียง 30 % สามารถเขียนได้ถูกต้อง ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตยังล้อว่า "ฉันสงสัยว่า ครูกีฬาเป็นคนที่สอนภาษาจีนของฉันหรือเปล่า" จริงๆ คำที่เป็นคำถามนั้นไม่ใช่คำยาก บางคำก็สามารถเห็นได้บ่อยในชีวิตประจำวัน แต่ความซับซ้อนของภาษาจีนทำให้ผู้คนอาจเขียนผิดหรือคิดไม่ออกว่า ควรเขียนอย่างไร
แน่นอนว่า รายการประกวดเขียนตัวอักษรจีนนี้ได้ดึงดูดความสนใจของชาวจีนจำนวนมาก ผู้ชมรู้สึกทั้งสนุกและความสำคัญของเนื้อหาด้วย และอาจเป็นรายการเดียวที่ยังไม่มีคำวิจารณ์ทางลบ เพราะรายการนี้เป็นประโยชน์ต่อการสืบทอดวัฒนธรรมจริงๆ ไม่ใช่โชว์ที่ออกอากาศเพื่อเพียงเรียกเรตติ้งการรับชมอย่างเดียว เชื่อว่าตั้งแต่รายการนี้เป็นต้นมา จะมีรายการโทรทัศน์ทำนองนี้มากขึ้น และจะนำมาซึ่งกระแสฮิตการเรียนวัฒนธรรมและภาษาจีนในทั่วประเทศ