น้ำโต้วจือร์(豆汁儿) เป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพไม่แพ้น้ำเต้าหู้ที่เราคุ้นเคย โดยน้ำเต้าหู้จะได้มาจากการนำถั่วเหลืองมาบด ส่วนน้ำโต้วจือร์และกากม๋าโต้วฟูจะได้มาจากถั่วเขียว โดยจะเป็นส่วนที่เหลือใช้จากการทำวุ้นเส้น โดยนำกากเหล่านี้ไปต้มให้เดือดแล้วใช้ผ้ากรองอีกทีน้ำที่ได้จะเป็นน้ำโต้วจือร์ กากที่เหลือบนผ้ากรองก็จะเป็นม๋าโต้วฟู ซึ่งจะมีราคาถูกมาก จึงกลายมาเป็นอาหารที่คนยากคนจนทั่วไปก็ทานกันได้ ซึ่งโต้วจือร์และม๋าโต้วฟูจะผ่านการหมักเหมือนกันจึงมีรสเปรี้ยว แต่เทียบกันแล้วคนทั่วไปจะรับรสชาติของม๋าโต้วฟูได้ง่ายกว่า
สำหรับความเป็นมาที่ว่าทำอย่างไร "ม๋าโต้วฟู" จึงกลายเป็นอาหารขึ้นโต๊ะเสวยในวังได้นั้น มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับพระนางซูสีไทเฮาว่า เนื่องจากสมัยพระองค์ยังเล็ก อยู่ติดกับร้านทำเต้าหู้ เลยได้กินม๋าโต้วฟูบ่อยครั้ง พอพระองค์ได้เข้าวังจนขึ้นเป็นไทเฮาแล้ว จู่ๆ เกิดนึกถึงรสชาติของม๋าโต้วฟูขึ้นมา จึงตรัสกับขันทีคนสนิทว่า ให้ห้องเครื่องทำผัดม๋าโต้วฟูถวาย ทางห้องเครื่องพอได้รับพระบัญชาเป็นต้องกุมขมับ เพราะจะไม่ทำตามรับสั่งก็คงได้หัวหลุดจากบ่า แต่จะทำหรือก็ไม่เคยมาก่อน เลยต้องไปถามไถ่เอาสูตรจากร้านทำเต้าหู้และพวกชาวบ้านทั่วไป พอกลับมาลองทำก็ยังต้องกุมขมับอีก...
เพราะแท้ที่จริงแล้ว ผัดม๋าโต้วฟูเป็นอาหารของคนยากคนจน ทำกันอย่างหยาบๆ รสชาติก็ยากจะกลืน เกรงว่านำขึ้นถวายซูสีไทเฮาที่ทรงทานอาหารโอชารสมาร้อยแปดพันเก้าแล้วจะทรงกริ้วเอา บรรดาพ่อครัวจึงลองช่วยกันดัดแปลง ทำให้มีความหอมรสชาตินุ่มนวลน่ารับประทานมากขึ้น และพอนำขึ้นถวายก็เป็นที่พอพระทัยยิ่ง นับแต่นั้นมาก็ได้กลายเป็นอาหารขึ้นโต๊ะเสวยประจำช่วงหน้าหนาวของพระองค์
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府