"บะหมี่" ก็เป็นอาหารเช้าอย่างหนึ่งที่คนจีนนิยมรับประทานกันทั่วประเทศ วิธีทานบะหมี่มีรูปแบบหลากหลาย แต่ละเมืองจะมีวิธีการกินบะหมี่ประจำเมือง เช่นบะหมี่น้ำ บะหมี่ผัด บะหมี่แห้ง นอกจากนี้ วิธีการทำบะหมี่ก็มีหลากหลายด้วย รวมทั้งบะหมี่ตัด บะหมี่ทับและบะหมี่ดึง เป็นต้น

ตอนนี้ในทั่วประเทศจีน เกือบทุกเมืองจะมีร้านบะหมี่ดึงหลานโจว กระทั่งต่างประเทศก็มีร้านบะหมี่ดึงหลานโจวด้วย ทั้งนี้ก็เพราะว่าบะหมี่ดึงหลานโจวมีรสชาติอร่อยดึงดูดลูกค้าเข้ามาทานเป็นประจำ รสชาติอร่อยนี้เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายอย่าง หนึ่ง การดึงบะหมี่จะช่วยให้บะหมี่มีความเหนียว สอง วิธีการตุ๋นน้ำแกงมีความพิเศษ นอกจากตุ๋นเป็นเวลานานแล้ว เครื่องปรุงที่ใส่เข้าไปก็มีเอกลักษณ์พิเศษของตน ทำให้มีรสชาติหอม สด อร่อย

นอกจากบะหมี่ดึงแล้ว บะหมี่แห้งก็ได้รับความนิยม มีชาวจีนเลือกบะหมี่แห้งเป็นอาหารเช้าจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะชาวเมืองอู่ฮั่น เนื่องจากเมืองอู่ฮั่นมีอากาศร้อนเป็นพิเศษในหน้าร้อน จึงนิยมกินบะหมี่แห้งเป็นพิเศษ บะหมี่แห้งของอู่ฮั่นจะเน้นเครื่องปรุงเป็นหลัก เพราะการทำบะหมี่แห้งคือต้มบะหมี่ให้สุกก่อน เอาน้ำทิ้ง ใช้เครื่องปรุงคลุกเคล้าเข้าไป

เล่ากันว่า เมื่อปี 1930 มีชาวอู่ฮั่นชื่อหลี เปาได้ยึดอาชีพขายบะหมี่น้ำ เมืองอู่ฮั่นร้อนเป็นพิเศษในหน้าร้อน มีอยู่วันหนึ่ง อากาศร้อนมาก บะหมี่จึงเหลือขายไม่หมด เขากลัวว่าวันรุ่นขึ้นบะหมี่จะบูดเสีย ก็ได้ต้มบะหมี่ให้สุกแล้วเทน้ำออกตากบนแผ่นไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าสำหรับนวดแป้ง แต่ไม่ระวังทำให้กาน้ำมันงาหกล้ม น้ำมันงาได้สาดบนบะหมี่แห้งนิดหน่อย เขาพยายามหาวิธีแก้ เห็นว่ามีแต่ใช้น้ำมันงาเป็นเครื่องปรุง ใส่เข้าไปในบะหมี่แล้วคลุกเคล้าให้ทั่วเท่านั้น พอเช้าวันรุ่นขึ้น เขาได้ลวกบะหมี่ที่คลุกเคล้าน้ำมันไว้แล้วในน้ำร้อน แล้วรีบนำขึ้น เติมเครื่องปรุงต่างๆ เช่น น้ำมันงา พริก และน้ำส้มสายชู เป็นต้น กลิ่มหอมเป็นพิเศษได้ดึงดูดความสนใจของคนเดินผ่านมา ผู้คนทั้งหลายต่างเข้าคิวสั่งซื้อ กินกันอย่างอร่อย มีลูกค้าถามว่าบะหมี่ที่ไม่เคยกินมาก่อนนี้ชื่ออะไร บะหมี่แห้งนี้เนื่องจากได้ลวกน้ำร้อนก่อน หลี เปาก็ตอบอย่างกะทันหันว่า บะหมี่ดังกล่าวนี้ชื่อ "บะหมี่แห้งร้อน" ตั้งแต่นั้นมา ชาวอู่ฮุ่นก็เริ่มเรียกบะหมี่ที่ทำจากวิธีปรุงดังกล่าวนี้ว่าเป็น "บะหมี่แห้งร้อน" และได้กลายเป็นอาหารพื้นเมืองที่ได้รับความนิยมในเมืองอู่ฮั่น