รัฐบาลของจีนและบรรดาประเทศอาเซียนได้บรรลุซึ่งความ
เห็นพ้องกันในหัวข้อเจรจาการเปิดตลาดการบริการและการลง
ทุนแล้ว        ต่อไปก็จะดำเนินการพิจารณาในประเด็นรูปธรรม
ตามแต่ละสาขา
    “พวกเรากระโดดลงสระว่ายน้ำแล้ว ว่ายเป็นแต่ยังไม่ทราบ
ว่าจะว่ายออกไปทางไหน     กำลังกอดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เพื่อร่วมใจร่วมแรงกันค้นหาทางขึ้นฝั่ง” นาย Ong Keng Yong
เลขาธิการอาเซียนพรรณนาผลคืบหน้าของการเจรจาระหว่าง
สองฝ่ายในการเปิดตลาดการบริการและการลงทุนเช่นนี้ เขา
กล่าวว่า การค้าทางการบริการและการลงทุนจะสลับซับซ้อนมาก
กว่าการค้าสินค้า ต้องดำเนิน “งานนิยาม” เป็นจำนวนมาก เพื่อ
กำหนดนัยยะของแต่ละสาขาอาชีพและเทคนิคฝีมือแต่ละอย่าง
ในระหว่างอภิปรายข้อตกลงอย่างรูปธรรม ซึ่งมิเพียงแต่ต้องการ
การปรึกษาหารือระหว่างรัฐบาลเท่านั้น หากยังต้องการการเข้า
ร่วมของบุคคลมืออาชีพในแขนงงานต่าง ๆ อีกด้วย
         กล่าวสำหรับการเปิดตลาดการลงทุน เขาเห็นว่า ประเด็น
ที่ใหญ่ที่สุดคือประเด็นการติดตามควบคุมการไหลเวียนของ

จีน-อาเซียนบรรลุความ เห็นพ้องกันในหัวข้อเจรจา
การเปิดตลาดการ บริการและการลงทุน

เงินทุน โดยเฉพาะประเด็นการติดตามควบคุมการไหลเวียน
ของเงินทุนระหว่างธุรกิจเอกชน ธุรกิจ SME และธุรกิจแม่ลูก
ประเทศต่าง ๆ ต่างมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันในการควบคุม
ด้านนี้ เขากล่าวว่า กุลยุทธการเปิดตลาดซึ่งกันและกันระหว่าง
จีนกับอาเซียนในปัจจุบัน ก่อนอื่นต้องเป็นการมุ่งพัฒนาการ
ค้าสินค้า เพื่อสร้างพื้นฐานความร่วมมือที่แน่นหนา แล้วค่อย
ดำเนินการค้าขายอย่างอื่นที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน รวมทั้ง
การพัฒนาการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยี
พร้อม ๆ การเพิ่มพูนความไว้วางใจกันมากขึ้น
            สำหรับประเด็นการดำเนินการท่องเที่ยวปลอดวีซ่าซึ่งกัน
และกันระหว่างจีนกับประเทศอาเซียน รัฐบาลของจีนและบรรดา
ประเทศอาเซียนกำลังใช้ความพยายามในด้านนี้อยู่    รัฐบาลจีน
ได้อนุมัติให้นักท่องเที่ยวของ     5-6 ประเทศเข้าประเทศจีนโดย
ปลอดวีซ่าแล้ว

จีน ไทย เวียดนาม กระชับความร่วมมือ
ด้านควบคุมป้องกัน มิให้ไข้หวัดนกระบาดสู่คน

     เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจากจีน ไทยและ
เวียดนามเปิดการสัมมนาที่ปักกิ่ง   ตกลงจะเพิ่มทวีการแลก
เปลี่ยนข่าวสารและร่วมมือทางเทคนิค ร่วมกันควบคุมป้องกัน
การณ์ที่ไข้หวัดนกจะระบาดสู่คนและการระบาดของไข้หวัด
ใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น
     ในงานสัมมนา เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ควบคุม
ป้องกันโรคประเทศจีนกระทรวงสาธารณสุขประเทศไทย
สถาบันวิจัยสาธารณสุขและโรคติดต่อแห่งชาติเวียดนาม ศูนย์
ป้องกันด้านสาธารณสุขของฮ่องกงและศูนย์ควบคุมโรคของ
มาเก๊า ได้แลกเปลี่ยนและอภิปรายในประเด็นวิทยาโรคระบาด
การวินิจฉัยและรักษาโรค การวิจัยผลิตวัคซีนเกี่ยวกับไข้หวัด
นกระบาดสู่คน
     เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขของไทยกล่าวว่า เมื่อเทียบ
กับอีเห็นที่แพร่ไวรัสซาร์สแล้ว สัตว์ปีกในครัวเรือนที่แพร่ไว-
รัสไข้หวัดนกมีการสัมผัสกับมนุษย์มากกว่า ดังนั้น เมื่อเกิด
เหตุโรคไข้หวัดนกระบาดสู่คน ก็อาจจะมีผลร้ายแรงกว่าโรค
ซาร์ส เขาวิงวอนให้ผู้คนระวังตัวมากขึ้น ศึกษามาตรการป้องกัน
ตนเองจากข่าวสารที่ได้จากสื่อ
             ผ.อ.ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของจีนกล่าวว่า การศึกษา
ประสบการณ์และเทคนิคของประเทศอื่น เพื่อเพิ่มความสามารถ
ในการพบและวินิจฉัยอย่างทันท่วงที เป็นมาตรการที่จำเป็นของ
จีนในการรับมือกรณีโรคไข้หวัดนกระบาดสู่คน
        ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคร้ายแรงของจีนได้ปรึกษาหารือ
กับองค์การอนามัยโลกและจัดผู้เชี่ยวชาญไปเยือนไทยและ
เวียดนาม ดำเนินการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนมิตรสายอาชีพเดียว
กันของทั้งสองประเทศในด้านการวิจัยผลิตวัคซีนและเทคนิค
การวินิจฉัยโรคไข้หวัดนกสู่คน ทั้งสามฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะ
สร้างกลไกความร่วมมือในส่วนภูมิภาคและเวทีเชื่อมโยงข่าว-
สารกับเทคนิค เพื่อรับมือกับการระบาดของไข้หวัดนกสู่คน
และไข้หวัดใหญ่
             ต่อไปนี้กลไกความร่วมมือระหว่างจีน ไทย เวียดนามทั้ง
สามฝ่ายจะเชื้อเชิญอินโดนีเซียและประเทศอื่น    ๆ ให้มาเข้าร่วม
มากยิ่งขึ้น     และจะเชิญผู้เชี่ยวชาญของไต้หวันมาแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์พร้อมทั้งเทคนิคในการป้องกันและควบคุมใน
งานสัมมนาด้วย

การสัมมนาวิชาการนานาชาติด้านชาติพันธุ์ศึกษา
อนุภูมิภาคแม่น้ำโขงครั้งที่ 1 จัดขึ้นที่ยวี่ซีประเทศจีน

            “ชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง : การสัมมนา
วิชาการนานาชาติว่าด้วยวัฒนธรรมชนชาติกับการพัฒนาภูมิภาค
ครั้งที่ 1” จัดขึ้นที่นครยวี่ซีมณฑลยูนนาน นายจาตุรนต์
ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของไทย ผู้เชี่ยว
ชาญและนักวิชาการของไทย ลาว เวียดนาม สิงคโปร์และยูนนาน
ได้เข้าร่วมการสัมมนา
             ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงมีวัฒนธรรมชนชาติ
ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสีสันหลากหลาย     ประกอบด้วยสิ่งแวด-
ล้อมทางภูมิศาสตร์ที่คล้ายคลึงกัน         ได้อำนวยเงื่อนไขความ
พร้อมให้ประเทศเหล่านี้มีส่วนแบ่งในวัฒนธรรมร่วมกัน     ดังนั้น
การศึกษาวัฒนธรรมชนชาติในอนุภูมิภาค การสร้างช่องทางการ
ศึกษาและช่องทางทางวัฒนธรรมของความร่วมมือในอนุภูมิภาค
ลุ่มแม่น้ำโขงจึงเป็นสาระสำคัญของการประชุมสัมมนาครั้งนี้
ในที่ประชุมครั้งนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการได้สัมมนา
อภิปรายปัญหาที่ต่อเนื่อง ได้แก่ “ชนชาติกับวิธีการศึกษาและ
สันติภาพกับความมั่นคงของสังคมอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง”
“ชนชาติสองฟากฝั่งลุ่มแม่น้ำโขง : การพัฒนากับการเปลี่ยน
แปลง” “การอนุรักษ์และรักษาภาษากับอักษรของชนชาติฮานีภาย
ใต้ภูมิหลังแห่งโลกาภิวัตน์” ในระหว่างประชุม ผู้แทนที่ร่วม

ประชุมได้มีโอากาสไปเยี่ยมชมดูงานบริษัทในเครือหงถะยวี่ซี หมู่
บ้านต้ามู่ยวี่อำเภอซินผิง         ถนนต้าหยิงเจนครยวี่ซีของมณฑล
ยูนนาน

ยูนนานจะจัดตั้งศูนย์อบรมภาษาจีนที่ลาว

    การประชุมครั้งที่สองของทีมงานความร่วมมือระหว่างยูนนาน
ของจีนกับภาคเหนือของลาว ซึ่งจัดขึ้นที่คุนหมิงเปิดเผยว่า ฝ่าย
ที่เกี่ยวข้องของยูนนานกับลาวจะร่วมมือกันจัดตั้งศูนย์อบรม
ภาษาจีนที่ลาว
             ยูนนานจะร่วมมือกับลาวเพื่อจัดตั้งศูนย์อบรมภาษาจีน
หลังจากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง โดยยูนนานยินดี
ช่วยเหลือฝ่ายลาวอบรมอาจารย์สอนภาษาจีนและจัดทำตำรา
ภาษาจีน ลาวก็จะช่วยมหาวิทยาลัยชนชาติยูนนานเปิดการสอน
ภาษาลาวตามความสามารถของลาว     ยูนนานยินดีต้อนรับนัก
ศึกษาจากลาว และจะให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาดีเด่นจำนวน
หนึ่ง ลาวก็ยินดีต้อนรับนักศึกษายูนนานไปศึกษาที่ลาว
    ยูนนานได้เปรียบทางสาขาวิชาและภูมิประเทศที่ติดกับลาว
และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อม ๆ กับการผลักดันด้านการ
สร้างเขตการค้าเสรีจีนอาเซียน จีนกับลาวมีการแลกเปลี่ยนทาง

เศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ถี่ยิ่งขึ้นทุกวัน         ภาษาจีน ในฐานะ
ภาษาทางการและภาษาปฏิบัติงานภาษาหนึ่งของสหประชาชาติ
เป็นภาษาที่มีคนพูดและใช้มากที่สุดในโลกปัจจุบันที่เอเชีย
ตามการเติบโตทางการค้าเศรษฐกิจระหว่างจีนกับประเทศเอเชีย
และการพัฒนาทางธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ที่เรียนภาษาจีนในประเทศ
ลาวและประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่น        ๆ ก็เพิ่มมากขึ้น
เรื่อย ๆ
                 การประชุมความร่วมมือระหว่างยูนนานของจีนกับภาค
เหนือของลาว     ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนและรัฐบาล
ลาว ได้เปิดประชุมทีมงานครั้งแรกเมื่อปี 2004 ต่อไปนี้จะจัดการ
ประชุมทีมงานทุกสองปีต่อครั้ง     โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม
ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจการค้าระหว่าง
มณฑลยูนนานกับ 9     แคว้นในภาคเหนือของลาว ส่งเสริมการ
เจริญและพัฒนาร่วมกัน