ความสัมพันธ์ไทย-จีนมีอนาคตสดใส

           นายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีต่างประเทศไทยกล่าว
ขณะพบปะกับนายจาง       จิ่วหวน เอกอัครราชทูตจีนประจำ
ประเทศไทยที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยว่า เขารูสึก
พอใจมากต่อการพัฒนาของมิตรสัมพันธ์ไทย-จีนในปัจจุบัน
การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองมีอนาคตสดใส
         นายกันตธีร์ ศุภมงคล กล่าวว่า เขาเชื่อมั่นว่า ภายใต้การ
พยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ทั้งสองจะได้รับการพัฒนาอย่างลุ่มลึกและกว้างขวางยิ่งขึ้นใน
โอกาสการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนครบรอบ 30 ปี
         ปีนี้เป็นปีที่จีน-ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต
ครบรอบ 30 ปี ทั้งสองฝ่ายได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองต่าง ๆ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระ-
ราชดำเนินเยือนจีน 22 ครั้ง ทรงเสด็จประเทศจีนทั่วทุกแห่ง
หนแล้ว นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้เยือนจีน
เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ทั้งได้เข้าร่วมการประชุมผู้นำ GMS
ที่คุนหมิง ผู้นำจีนก็มาเยือนไทยเช่นกัน ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็น
ความพยายามในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประ-
เทศให้พัฒนาไปอย่างลุ่มลึกและกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยอาศัยการ
เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนครบรอบ     30
ปีเป็นแรงขับเคลื่อน

                เมื่อไม่นานมานี้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายก
รัฐมนตรีไทยได้ให้สัมภาษณ์อาจารย์ฟาน จูน ตัวแทนเอเย่นต์
นิตยสาร “แม่น้ำโขง” ในประเทศไทยด้วยความยินดี และได้รับ
นิตยสาร “แม่น้ำโขง” ที่อาจารย์ฟาน จูนมอบให้
        พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กล่าวว่า ท่านอ่านนิตยสาร “แม่
น้ำโขง” ของจีนมานานแล้ว นิตยสารนี้มีคุณค่ามากในการใช้
เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาด้านนโยบายของรัฐบาลไทย
ท่านกล่าวว่า นิตยสารนี้มีเนื้อหาดีและน่าศึกษามาก มีบทบาท
ในการส่งเสริมการค้าเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย ขณะเดียว
กัน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธขอหวังให้นิตยสาร “แม่น้ำโขง” มีหัว
ข้อหรือคอลัมน์ที่ต่อเนื่องในแต่ละฉบับ เพื่อแนะนำสภาวะประ-
เทศและหลักนโยบายของจีน ให้ผู้อ่านของไทยได้รับประโยชน์
มากยิ่งขึ้น
        จากคำให้สัมภาษณ์ของพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ จะเห็นได้
ว่าท่านเป็นแฟนผู้อ่านเก่าแก่และอาวุโสของนิตยสาร“แม่น้ำโขง”
ข้อเสนอของท่านเป็นข้อเสนอที่ดีและมีความเป็นไปได้ ทาง
สำนักนิตยสารจะรับข้อเสนอของท่านไว้ ปรับปรุงเนื้อหาสาระ
ของนิตยสารให้หลากหลายและสมบูรณ์มากขึ้น พยายามยก
ระดับคุณภาพของนิตยสาร เพื่อให้นิตยสาร “แม่น้ำโขง” ยิ่ง
ทำยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ

         พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
ฝากความหวังกับนิตยสารแม่น้ำโขง

                ความสำเร็จของจีนในการส่งยานอวกาศเสินโจว-6 ขึ้น
สู่อวกาศและกลับคืนสู่โลก ได้ให้กำลังใจแก่ชาวจีนในโพ้นทะเล
เป็นอย่างยิ่ง และเป็นการให้กำลังใจแก่ประเทศกำลังพัฒนาและ
ประชาชนของประเทศกำลังพัฒนาอันไพศาลเป็นอย่างยิ่งด้วย
ซึ่งได้กลายเป็นจุดโฟกัสความสนใจของผู้คนทั้งหลาย
              องค์กรมิตรภาพไทย-จีนทั้ง 3 ได้แก่ สมาคมมิตรภาพ
ไทย-จีน             สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน และ
สมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน    ได้ร่วมกันจัดงาน
ปาร์ตี้ฉลองแสดงความยินดีต่อการณ์ที่สาธารณรัฐประชาชน
จีนประสพความสำเร็จในการส่งยานอวกาศเสินโจว-6     ขึ้นสู่
อวกาศ ทั้งสามองค์กรในนามประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ได้
แสดงความยินดีต่อความสำเร็จอันใหญ่หลวงของจีนในการส่ง
ยานอวกาศเสินโจว-6
        งานปาร์ตี้ฉลองแสดงความยินดีครั้งนี้จัดขึ้นอย่างมโหฬาร
ณ สโมสรทหารบก     ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ โดย ฯพณฯ
กร ทัพพะรังสี     นายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน อดีตรองนายก
รัฐมนตรีไทย ฯพณฯ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษา
และผู้ก่อตั้งสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน     อดีต
นายกรัฐมนตรีไทย พร้อมด้วย     นายธนากร เสรีบุรี และนาย
สุชาย วีระเมธีกุล     นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ถาวรของสมาคม
ส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน     ได้นำกรรมการบริหาร
และสมาชิกคนสำคัญของสมาคมมาร่วมงานฯพณฯจางจิ่วหวน
เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยพร้อมคณะได้มา
ร่วมงานครั้งนี้ ฯพณฯ     พินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีสาธารณสุข
คนปัจจุบันและอดีตรองนายกรัฐมนตรีไทยพร้อมด้วยเจ้าหน้า
ที่คนอื่นๆของรัฐบาลไทยได้มาร่วมงานแสดงความยินดีด้วย
ผู้นำชาวจีนโพ้นทะเลและผู้นำวงการสังคมต่าง ๆ ในไทย
ตลอดจนผู้ได้รับเชิญมาเข้าร่วมงานประมาณ 500 คน
         ที่หน้างานได้ฉายวีดีทัศน์บันทึกการกลับคืนสู่โลกของ
ยานอวกาศเสินโจว-6     ของจีน เมื่อปรากฎภาพยานอวกาศ
เสินโจว-6 ประสพความสำเร็จในแต่ละจังหวะ หรือภาพโฟกัส
แต่ละท่าของนักบินอวกาศจีนในการก้าวออกจากยานฯ ก็จะมี
เสียงปรบมือแสดงความยินดีจากผู้ร่วมงาน
           ฯพณฯ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาและผู้
ก่อตั้งสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน     อดีตนายก
รัฐมนตรีไทยกล่าวคำปราศรัยโดยชี้ให้เห็นว่า “ความสำเร็จใน
การส่งยานอวกาศเสินโจว-6 ของจีนครั้งนี้ ได้ทำลายการผูกขาด
เทคโนโลยีด้านอวกาศของมหาประเทศส่วนนอ้ย ซึ่งจะเป็น
ประโยชน์ต่อชาวโลกทั่วไป และทำให้โลกหมดสภาพการมีมหา
อำนาจขั้วเดียว” ท่านเปิดเผยว่า “ฯพณฯ เจียงเจ๋อหมิน อดีต
ประธานาธิบดีจีนเคยวิเคราะห์สถานการณ์ให้ฟังว่า โลกจะต้อง
มีหลายขั้วอำนาจ จึงจะสามารถถ่วงดุลให้เกิดสันติภาพและ
ป้องกันไม่ให้เกิดสงครามได้” ท่านกล่าวในตอนสุดท้ายว่า “ไทย
-จีนมีความสัมพันธ์สนิทแน่นแฟ้น ความสำเร็จใด ๆ ของไทย
และจีนล้วนเป็นสิ่งที่ต้องแสดงความยินดี”

            ฯพณฯ จาง จิ่วหวน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศ
ไทยกล่าวคำปราศรัยโดยชี้ให้เห็นว่า   “จีนยืนหยัดการใช้ห้วง
อวกาศเพื่อสันติภาพ   เพื่อความสุขของมวลมนุษยชาติ นี่เป็น
หลักการชี้นำกิจการบินอวกาศของจีน” ท่านเอกอัครราชทูตจาง
แสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อองค์กรมิตรภาพไทย-จีน
ทั้งสามที่ร่วมกันจัดงานปาร์ตี้ฉลองในครั้งนี้ ท่านกล่าวว่า “จีน
-ไทยมีความสัมพันธ์ที่นับวันจะสนิทแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ความร่วม
มือทางยุทธศาสตร์เข้าสู่ความลุ่มลึกยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวก
เรายินดีที่จะกระชับความร่วมมือกับประเทศไทยในด้านการ
เมืองเศรษฐกิจวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและวัฒนธรรมต่อไป”
เอกอัครราชทูตจางยังอวยพรให้ความสัมพันธ์จีน-ไทยพัฒนา
ควบคู่กับกาลเวลา ขอให้ประชาชนประเทศทั้งสองจงจับมือร่วม
กันสร้างอนาคตที่ดีงาม
         นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่สมาคมมิตรภาพไทย
-จีน สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน     และ สมาคม
ส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน ของประเทศไทยได้จัด
กิจกรรมร่วมกัน อาจกล่าวได้ว่า ครั้งนี้เป็นโอกาสที่นำมาโดย
ยานอวกาศเสินโจว-6 ของจีน

มิตรชาวไทยจัดงานปาร์ตี้ฉลองความ
สำเร็จของยานอวกาศ “เสินโจว 6”

              ช่วงท้ายปี 2005 คณะดูงานทางการค้าเศรษฐกิจระหว่าง
ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงของมณฑลยูนนานประเทศจีน ได้ออกเดิน
ทางจากท่าเรืองเชียงรุ่ง ใช้เวลา 13      ชั่วโมง เดินทางกว่า 330
กิโลเมตร แล้วขึ้นบกที่ท่าเรือเชียงแสนของประเทศไทย
          ท่าเรือเชียงแสนของไทยเป็นประตูหลักในการเข้าสู่ประ-
เทศต่าง ๆ ในเอเชียอาคเนย์ ซึ่งมีความได้เปรียบทางภูมิประเทศ
อย่างเห็นได้ชัด ท่าเรือเชียงแสนห่างจากท่าเรือกวานเล่ย (ขอน
เลย) ของจีนเพียง         200 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น ห่างจากเชียง
ใหม่ เมืองใหญ่อันดับที่สองของไทยประมาณ     220 กิโลเมตร
อยู่ใกล้ชิดกับท่าเรือห้วยทรายของลาว   ซึ่งอยู่ในเส้นทางร่องน้ำ
เดินเรือร่วมกันของจีน-ลาว-ไทย-พม่าสี่ประเทศของแม่น้ำ
หลานชางเจียง-แม่น้ำโขง ทางหลวงคุนหมิง-กรุงเทพฯ     ที่กำลัง
ก่อสร้างก็จะผ่านตรงนี้ด้วย       เท่าที่คำนวณ เมื่อเทียบกับระยะ
ทางจากกวางตุ้งของจีนออกทะเลถึงประเทศไทยแล้ว การเดิน
เรือจากท่าเรือซือเหมาของจีนถึงประเทศไทยโดยตรง สามารถ
ย่นระยะทาง 3,000 กิโลเมตร ลดค่าขนส่ง     60% และใช้เวลา
เพียงหนึ่งส่วนสามเท่านั้น
        ทันใดที่คณะการดูงานขึ้นฝั่งไทย ก็ได้รับการต้อนรับจาก
วงการต่าง ๆ   ทางสังคมและทางการระดับต่าง ๆ ของประเทศ
ไทย ที่ท่าเรือมีเรือบรรทุกหลายลำกำลังบรรจุทุเรียน มังคุด ข้าว-
หอมมะลิ ฯลฯ เตรียมขนส่งไปเทียบท่าที่ท่าเรือเชียงรุ่ง      ซึ่ง
สินค้าโซนร้อนเหล่านี้จะถึงคุนหมิงจุดหมายปลายทางในอีก 3
วันให้หลัง ตั้งแต่จีน-ไทยเริ่มปลอดภาษีศุลกากรผักและผลไม้

เมื่อเดือนตุลาคม 2003 เป็นต้นมา การค้าผลไม้โซนร้อนและ
ผักผลไม้โซนอบอุ่นระหว่างไทยกับยูนนานที่ผ่านทางน้ำสายนี้
ได้ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วอันเนื่องจากใช้เวลาน้อยและต้นทุน
ต่ำ แม่น้ำหลานชางเจียง-แม่น้ำโขงได้กลายเป็นเส้นทางสำคัญ
ของการค้าผักผลไม้ระหว่างจีนกับไทยแล้ว

การค้าไทยจีนมีโอกาส
ทางธุรกิจอย่างมหาศาล

สถาบันอุดมศึกษาของไทยเปิด
ศูนย์ประสานงานที่ยูนนาน

            ในงาน “ชาติพันธุ์ศึกษาในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง : การ
สัมมนาวิชาการนานาชาติว่าด้วยวัฒนธรรมชนชาติกับการพัฒนา
ภูมิภาคครั้งที่ 1” ซึ่งจัดขึ้นที่นครยวี่ซีมณฑลยูนนานของจีน ได้
ทำพิธีเปิดป้ายอย่างเป็นทางการของ “ศูนย์ประสานงานมหาวิท-
ยาลัยราชภัฏเชียงรายประจำวิทยาลัยครูหวี่ซียูนนานประเทศจีน”
ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่สถาบันอุดมศึกษาของไทยจัดตั้งสำนักงาน
ประจำที่มณฑลยูนนาน
       มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายมีชื่อเสียงดีมากในอนุภูมิภาค
ลุ่มแม่น้ำโขง    ได้พยายามผลักดันการติดต่อและความร่วมมือ
ด้านการค้าเศรษฐกิจระหว่างไทยกับประเทศในอนุภูมิภาคลุ่ม
แม่น้ำโขงมาตลอด ทำให้นักศึกษาไทยได้เพิ่มพูนความเข้าใจ
ในเรื่องเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ประเพณีของประเทศเพื่อนมิตร
มากยิ่งขึ้น ไม่กี่ปีมานี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้ดำเนิน
ความร่วมมือทางวิชาการและการศึกษาในหลาย ๆ     ด้านกับ
สถาบันฝึกหัดครูหลวงพระบางประเทศลาว         มหาวิทยาลัย
ชนชาติยูนนาน วิทยาลัยครูยวี่ซียูนนาน มีการส่งนักศึกษาแลก
เปลี่ยนของไทยไปศึกษาที่ประเทศเหล่านี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
เชียงราย ตัดสินใจเปิดศูนย์ประสานงานที่วิทยาลัยครูยวี่ซี เพื่อ
กระชับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับประเทศในอนุภูมิภาค
ลุ่มแม่น้ำโขงโดยเฉพาะมณฑลยูนนานของจีนและจะสร้าง-
สรรค์ศูนย์ประสานงานให้เป็น “องค์กรแห่งความร่วมมือกับ
การแลกเปลี่ยนทางวิชาการเพื่อประสานงานกับประชาชนทุก
ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง”
       ผู้รับผิดชอบของศูนย์ประสานงานดังกล่าวกล่าวว่า ภายใต้
การผลักดันของสำนักงานนี้    มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จะ
จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนการศึกษาทางวิชาการและวัฒนธรรมกับ
มหาวิทยาลัยชนชาติยูนนานและวิทยาลัยครูยวี่ซีปีละครั้ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย   ส่งเสริมให้นักศึกษาจีน 4-5 คน
ไปศึกษาหรือศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายทุกปี
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย   จะจัดสร้างศูนย์ข้อมูลชนเผ่า
ต่าง ๆ ในไทยและศูนย์ข้อมูลสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจของ
ไทยที่วิทยาลัยครูยวี่ซีมณฑลยูนนาน
           หลังจากนี้ สำนักงานดังกล่าวจะเป็นศูนย์ประสานงาน
ระหว่างมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงประเทศไทยกับสถาบันอุดม
ศึกษาของยูนนาน เพื่อสร้างคุณูปการแก่การส่งเสริมการแลก
เปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการศึกษาภาคประชาชนระหว่าง
ประเทศทั้งสอง

          สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครคุนหมิง ได้จัดงานเลี้ยง
อาหารค่ำเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาท-
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และวันชาติไทย โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน
คืองานเลี้ยงสำหรับแขกฝ่ายจีน ฯลฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม
2548 ณ โรงแรม Green Lake และงานเลี้ยงเฉพาะชุมชนชาวไทย
เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม ณ โรงแรมคุนหมิง
       สำหรับงานเลี้ยงในวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2548 มีผู้นำและ
เจ้าหน้าที่ระดับต่าง ๆ   จากภาครัฐ ภาคเอกชนและบุคคลจาก
หลายสาขาอาชีพของยูนนาน กุ้ยโจว   และหูหนาน 3 มณฑล
ตลอดจนเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ฯ ของประเทศต่าง ๆ นัก
ธุรกิจไทยที่ประกอบธุรกิจและมีถิ่นพำนักในมณฑลยูนนาน รวม
ทั้งคณะครู อาจารย์จากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน
ภาษาไทยมาร่วมงานทั้งสิ้นประมาณ 350 คน นอกจากนี้ หน่วย
งานต่าง ๆ ที่มาร่วมงานยังได้ส่งกระเช้าดอกไม้เพื่อแสดงความ
ยินดีในโอากาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาและวันชาติไทย หน่วย
งานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ยังได้มอบของขวัญเพื่อทูล-
เกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็นพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวันเฉลิม
พระชนมพรรษาด้วย
         สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ฉายสไลด์มัลติวิชั่นพระบรมฉายา-
ลักษณ์และพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
พร้อมทั้งเปิดเพลงพระราชนิพนธ์ตลอดงาน   นักศึกษาจีนใน
มหาวิทยาลัยชนชาติยูนนานที่เปิดสอนภาษาไทย ได้แสดงนาฏ-
ศิลป์ไทยและจีน เพื่อร่วมเฉลิมพระชนมพรรษาและวันชาติไทย
กับทั้งเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 30 ปีแห่งการสถาปนาความ
สัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีน การแสดงดังกล่าวได้
สร้างความประทับใจแก่แขกที่เข้าร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง
            สำหรับงานเลี้ยงเฉพาะชุมชนชาวไทยในวันเสาร์ที่ 3
ธันวาคม 2548 มีเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ฯ ผู้แทนจากภาค
เอกชนของไทยในมณฑลยูนนาน นักเรียน นักศึกษาไทยที่ศึกษา
ในนครคุนหมิงไปร่วมงานประมาณ 300 คน โดยสถานกงสุล-
ใหญ่ฯ ได้จัดเตรียมอาหารไทยจากร้านอาหารไทยต่าง ๆ ใน
คุนหมิงไปบริการในงาน ในการนี้ กงสุลใหญ่ฯ ได้ขึ้นกล่าว
ถวายพระพรชัย และเชิงแขกทุกท่านร่วมดื่มถวายพระพร และ
ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีอย่างพร้อมเพรียงกัน

สถานกงสุลใหญ่ไทยจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและวันชาติไทยประจำปี 2548

สถานกงสุลใหญ่ไทยอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน
ไปทอดถวายยังวัดอู่หยุน เมืองลู่ซี มณฑลยูนนาน

        เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2005 สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ
นครคุนหมิง     ได้ดำเนินการอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน
ไปทอดถวายยังวัดอู่หยุน   (วัดจองคำ) เมืองลู่ซีแคว้นเต๋อหง
มณฑลยูนนาน โดยมี ฯพณฯ ดร.ประชา คุณะเกษม ที่ปรึกษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานฝ่ายไทย
ฝ่ายจีนมีนายเคอ หมิงเลี่ยง นายกเทศมนตรีเมืองลู่ซีเป็นประ-
ธาน   พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสภาปรึกษาการเมือง
กรมการศาสนา สำนักงานฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และพุทธศาสนิก
ชนชาวไทยและชาวจีนในแคว้นเต๋อหงรวมประมาณ 400 คน
เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง
     พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานได้ดำเนินไปตามประเพณี
ทางศาสนาของไทย     โดยมีพระจิ้งต๋า เจ้าอาวาสเป็นประธาน
พิธีฝ่ายสงฆ์และเป็นผู้รับพระกฐินฯ และมีพระภิกษุสงฆ์เข้าร่วม
พิธีอีก 10     รูป ประธานฝ่ายไทยได้ถวายเงินพระราชทานจาก
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ     และมอบเงินบริจาคของกระทรวงการ
ต่างประเทศฯ และเงินสบทบพระราชกุศลของข้าราชการสถาน-
กงสุลใหญ่ฯ และชุมชนชาวไทยในมณฑลยูนนาน แก่เจ้าอาวาส
เพื่อนำไปบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามต่อไป นอกจากนี้ ประธาน
และคณะผู้แทนไทยได้ถวายเครื่องไทยธรรมและภัตตาหารเพล
แด่พระภิกษุและสามเณร ฝ่ายไทยยังได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหาร
กลางวันแก่พุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวจีนที่มาร่วมพิธีใน
บริเวณวัดฯ ทั้งนี้ เจ้าอาวาสได้ทูลเกล้าฯ ถวายของแด่พระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และมอบของที่ระลึกแก่กระทรวงการต่าง
ประเทศของไทยด้วย

            นอกจากนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้นำแผ่นป้ายแสตนเลส
ระบุข้อความว่า   “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชอาณา-
จักรไทยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ     พระราชทานผ้าพระกฐิน
พระราชทาน ทอดถวาย     ณ วัดอู่หยุน เมืองลู่ซี เขตปกครอง
ตนเองเต๋อหง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวัน
ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2548” ติดไว้ในอุโบสถของวัดฯ เพื่อ
ให้พุทธศาสนิกชนที่ไปวัดอู่หยุนได้ตระหนักถึงพระมหา-
กรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ     ที่มีต่อการ
ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา