เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:เรื่องขำขำกับความสำคัญของภาษาจีนกลาง
  2012-06-26 17:13:41  cri

ภาพ "ริมแม่น้ำวันเชงเม้ง" (ส่วนหนึ่ง) ของจางเจ๋อตวน หนึ่งในสิบภาพโบราณล้ำค่าเลื่องชื่อของจีน

มีความกว้าง 24.8 ซม.ยาว 528.7 ซม. สะท้อนสภาพความคึกคักเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง

และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองไคเฟิง เมืองหลวงสมัยซ่งเหนือ

จากข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับประเทศจีนที่ว่า เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมีอารยธรรมเก่าแก่ของโลก ความกว้างใหญ่ของผืนแผ่นดินถึง 9.6ล้านตารางกิโลเมตรกับจำนวนประชากรที่มากที่สุดในโลกกว่า 1,300 ล้านคน ทำให้ "ภาษาจีนกลาง" เป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร เชื่อมโยงความต่างประสานความเข้าใจของผู้คนในแต่ละท้องถิ่นทั่วประเทศจีนเข้าไว้ด้วยกัน

ภาษาจีนกลางแรกเริ่มยึดภาษาถิ่นของ ราชวงศ์โจว(1,066 - 256 ปีก่อนค.ศ.) เป็นฐาน เรียกได้ว่าสมัยขงจื่อ(551 – 479 ปีก่อนค.ศ.) มีชีวิตอยู่ก็ได้ใช้ภาษากลางในสมัยนั้นเป็นตัวกลางในการสื่อสารทำความเข้าใจกันแล้ว ซึ่งสำเนียงภาษาจีนกลางมีความเกี่ยวพันกับที่ตั้งเมืองหลวงในยุคสมัยนั้นๆ อาทิ ในยุคสมัยก่อนราชวงศ์ฉิน จะยึดภาษาจีนกลางตามภาษาถิ่นของเมืองลั่วหยาง พอถึงสมัยราชวงศ์ฉิน (221-206 ปีก่อนค.ศ.) และฮั่น(206-220 ปีก่อนค.ศ.) ยึด "ภาษาฉิน 秦语" สำเนียงถิ่นของพื้นที่แถบ "กวนจง关中" ตอนกลางของมณฑลส่านซีในปัจจุบันเป็นพื้นฐานภาษากลาง

พอถึงสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก(ค.ศ.317-420) ศูนย์กลางการปกครองได้ย้ายลงมาทางใต้ ณ เมืองเจี้ยนคัง (เมืองหนานจิง มณฑลเจียงซูในปัจจุบัน) ภาษาจีนกลางจึงมีการแบ่งเป็นสองแบบ คือ ชาวจีนทางเหนือยึดสำเนียงลั่วหยาง ทางใต้ยึดสำเนียงเจี้ยนคัง ต่อมาในราชวงศ์สุย(ค.ศ.581-618) และถัง(ค.ศ.618-907) กลับยึดสำเนียงลั่วหยางเป็นหลักอีก จนถึงราชวงศ์หยวน(ค.ศ.1206-1368) จึงได้เปลี่ยนมายึดสำเนียงของปักกิ่ง

และเพื่อให้สื่อสารกันได้อย่างรู้เรื่องราบรื่น นับแต่อดีตสมัยโบราณก็ได้มีการบังคับให้ชาวจีนในแต่ละท้องถิ่นต้องเรียนรู้และหัดพูดภาษากลาง โดยในค.ศ. 1728 รัชสมัยยงเจิ้งแห่งราชวงศ์ชิง ก็ได้มีการจัดตั้งสำนักงานการออกเสียงมาตรฐาน และกำหนดให้สำเนียงปักกิ่งเป็นพื้นฐานของภาษาจีนกลางอย่างเป็นทางการขึ้น

 

(ภาพประกอบจาก YouShou Cartoon)

 

และเพราะสำเนียงการพูดต่างถิ่นต่างที่ที่ไม่เหมือนกันของคนจีน หากไม่ฝึกพูดภาษาจีนกลางให้ได้นอกจากจะสื่อสารพูดคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว ยังทำให้สารที่ต้องการสื่อเกิดความคลาดเคลื่อนและกลายเป็นเรื่องตลกได้ด้วย ดังตัวอย่างเรื่องนายอำเภอท่านหนึ่งพูดสำเนียงจีนกลางไม่ชัดอย่างแรง ขึ้นกล่าวเปิดประชุมที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งว่า...

 

"兔子们,虾米们!不要酱瓜,咸菜太贵啦!!"

ทู่จื่อเหมิน เสียหมี่เหมิน ปู๋เย่าเจี้ยงกวา! เสียนไฉ่ไท่กุ้ยลา!!

(กระต่ายทั้งหลาย กุ้งทั้งหลาย! ไม่เอาแตงกวาดอง ผักดองก็แพงเกิน!!)

เมื่อนายอำเภอกล่าวจบ พิธีกรก็ได้กล่าวเชิญหัวหน้าหมู่บ้านกล่าวต่อ หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวว่า

"兔子们,虾米们,猪尾巴!不要酱瓜,咸菜太贵啦!!"

ทู่จื่อเหมิน เสียหมี่เหมิน จูเหว่ยปา ปู๋เย่าเจี้ยงกวา! เสียนไฉ่ไท่กุ้ยลา!!

(กระต่ายทั้งหลาย กุ้งทั้งหลาย หางสุกร! ไม่เอาแตงกวาดอง ผักดองก็แพงเกิน!!)

" 不要酱瓜,我捡个狗屎给你们舔舔..."

ปู๋เย้าเจี้ยงกวา หว่อเจี่ยนเก้อโก่วสือเก่ยหนี่เหมินเถียนเถียน…

(ไม่เอาแตงกวาดอง ฉันเก็บอุจจาระสุนัขให้พวกท่านเลียดู)

"兔子们,今天的饭狗吃了,大家都是大王八!"

 ทู่จื่อเหมิน จินเทียนเตอฟ่านโก่วชือเลอ ต้าเจียโตวซื่อต้าหวังปา!

(กระต่ายทั้งหลาย ข้าววันนี้สุนัขทานไปแล้ว ทุกคนต่างเป็น "ไอ้เต่ายักษ์" (คำด่า)

ซึ่งความหมายแท้จริงที่กล่าวคือ

同志们,乡民们!不要讲话,现在开会啦!!

ถงจื้อเหมิน เซียงหมินเหมิน! ปู๋เย่าเจี่ยงฮว่า เสี้ยนไจ้ไคฮุ่ยลา!!

(สหายทั้งหลาย พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน อย่าพูดคุยกัน ตอนนี้จะเริ่มเปิดประชุมแล้ว)

同志们,乡民们,注意吧!不要讲话,现在开会啦!!

ถงจื้อเหมิน เซียงหมินเหมิน จู้อี้ปา! ปู๋เย่าเจี่ยงฮว่า เสี้ยนไจ้ไคฮุ่ยลา!!

(สหายทั้งหลาย พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน โปรดฟัง อย่าพูดคุยกัน ตอนนี้จะเริ่มเปิดประชุมแล้ว)

不要讲话,我讲个故事给你们听听。。。

ปู๋เย่าเจี่ยงฮว่า หว่อเจี่ยงเก้อกู้ซื่อเก่ยหนี่เหมินทิงทิง…

(อย่าพูดคุยกัน ผมจะเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้พวกท่านฟัง…)

同志们,今天的饭够吃了,大家都是大碗吧!

ถงจื้อเหมิน จินเทียนเตอฟ่านโก้วชือเลอ ต้าเจียโตวซือต้าหว่านปา!

(สหายทั้งหลาย วันนี้เรามีข้าวทานกันอย่างเพียงพอ ทุกคนต่างทานกันชามใหญ่เถิด!

 

เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040