ในการประชุมแถลงข่าวในวันเดียวกัน นายหู เสี่ยวอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยกรบุคคลและประกันสังคมของจีน กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จีนดำเนินยุทธศาสตร์การมีงานทำให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกและนโยบายการมีงานทำอย่างแข็งขันขึ้น โดยสร้างระบบการบริการด้านการมีงานทำและการอบรมทางอาชีพที่ครอบคลุมทั้งเมืองและชนบท ภายใต้สถานการณ์ที่มีจำนวนแรงงานและแรงกดดันทางการมีงานทำเพิ่มมากขึ้น แต่ภาพรวมของการมีงานทำยังคงอยู่ในระดับมั่นคง
ในหลายปีที่ผ่านมา จีนได้จัดทำนโยบายขยายความต้องการภายในเพื่อกระตุ้นการมีงานทำ ลดแรงกดดันของธุรกิจเพื่อรับรองความมั่นคงของการมีงานทำ และนโยบายสนับสนุนการบุกเบิกกิจการ เป็นต้น เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก โดยเฉพาะได้ส่งเสริมการอบรมทางอาชีพเพื่อยกระดับความสามารถการหางานของนักศึกษาที่จบใหม่ รวมถึงกลุ่มแรงงานและกลุ่มประชาชนที่มีภาวะยากลำบากในเมือง
เมื่อเดือนมกราคม – สิงหาคมปีนี้ ผู้มีงานทำในเขตเมืองของจีนมีจำนวน 9,180,000 คน สูงกว่าระยะเดียวกันของปีที่แล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงในขอบเขตและโครงสร้างทางอาชีพ ทางด้านภูมิภาค อัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้มีงานทำใน 11 มณฑลและเมืองของภาคตะวันออกมีการลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว แต่อัตราการเพิ่มขึ้นของภาคกลางและภาคตะวันตกสูงกว่าระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ทางด้านอาชีพ ความต้องการการใช้แรงงานของภาคการผลิตกำลังลดลง แต่ความต้องการในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ระดับสูงและการบริการกำลังเพิ่มขึ้น นายซิ่น ฉังซิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรบุคคลและประกันสังคมของจีน กล่าวว่า จำนวนแรงงานในปีนี้เท่ากับปีที่แล้วในขั้นพื้นฐาน และยังไม่เกิดสถานการณ์สภาพแรงงานกลับสู่บ้านเกิดจำนวนมากซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่เติบโตเชื่องช้าลงตามที่สื่อมวลชนบ่างแห่งระบุ
Ying/Chu