เหตุเกิดบนเครื่องบินครั้งนี้ เกิดเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บนสายการบินแอร์ไชน่า เที่ยวบิน CA 992 ที่เดินทางจากเมืองแวนคูเวอร์ประเทศแคนาดามายังกรุงปักกิ่งของจีน โดยผู้โดยสารชายนายหนึ่ง แซ่ตู้ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจลงโทษจับกุมตัวไว้เป็นเวลา 5 วันเนื่องจากใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปและฟังเพลงขณะโดยสารบนเครื่องบิน โดยแสดงท่าทีและวาจาต่อต้านคำทักท้วงห้ามปรามของพนักงานบนเครื่อง เมื่อเครื่องบินลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ก็ได้ถูกตำรวจจับกุมตัวไปสอบปากคำ ซึ่งระหว่างการสอบสวนหนุ่มแซ่ตู้ก็ยังไม่มีทีท่าสำนึกต่อการกระทำที่อาจนำไปสู่ผลเสียร้ายแรงต่อส่วนรวม ที่ว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถืออาจทำให้ระบบการทำงานของเครื่องบินเกิดความผิดพลาดได้
ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายนก็มีข่าวการใช้โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบินได้ส่งคลื่นรบกวนต่อระบบนำร่องขณะทำการร่อนลงจอดที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบิน CA4332 เส้นทางการบินจากกว่างโจวสู่กุ้ยหยาง ดีว่าเป็นช่วงบ่ายที่สภาพอากาศปลอดโปร่ง สามารถมองเห็นรันเวย์ได้ ทำให้กัปตันสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างเรียบร้อย ซึ่งการรบกวนครั้งนี้มีสาเหตุสืบเนื่องมาจากผู้โดยสารหญิงวัย 70 ปีท่านหนึ่ง เปิดโทรศัพท์มือถือใช้งานคุยสายกับลูกสาวที่มารอรับ และว่าปิดเครื่องไม่เป็น เมื่อพนักงานรับมาดูก็พบว่าเป็นเครื่องโทรศัพท์มือถือที่ทำเลียนแบบไอโฟน แต่เนื่องจากปุ่มปิดเครื่องโทรศัพท์มีปัญหาทำให้ไม่สามารถปิดได้จริง และเปิดเครื่องมาตลอดการเดินทาง เมื่อเครื่องลงจอดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนและปรับเงินจำนวน 100 หยวน
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสนามบินนานาชาติหลงต้งเป่า เมืองกุ้ยหยางให้ข้อมูลว่า ทุกปีจะได้รับแจ้งเหตุการไม่เคารพกฎระเบียบใช้โทรศัพท์มือถือขณะโดยสารเครื่องบินอย่างน้อย 30 ราย ซึ่งตามกฎระเบียบแล้วบทลงโทษสำหรับกรณีนี้ผู้โดยสารที่ก่อเหตุจะถูกกักตัวเป็นเวลาห้าวันหรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 500 หยวน หากการกระทำดังกล่าวส่งผลให้เกิดเหตุร้ายแรงตามมา ก็สามารถจับกุมตัวมารับผิดทางอาญาได้
ทั้งนี้ จากประกาศมาตรฐานกำกับดูแลด้านการบินของกรมการบินพลเรือนจีน ปี 2006 ระบุว่า การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ บนเครื่องบินโดยสาร ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการขึ้นและลงจอดของเครื่องบิน จะมีโทษปรับเป็นเงินจำนวน 2,000 หยวน
แม้ว่ายังมีข้อถกเถียงอยู่มากในเรื่องผลกระทบจากการใช้โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบิน ที่ว่าน่าจะมีความเป็นไปได้น้อยมากอาจเป็นเพียงแค่หนึ่งในล้าน แต่เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นไปได้ ด้วยเหตุนี้ กฎข้อบังคับของการบินพลเรือนจีน จึงกำหนดว่า ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือใดๆ นับจากการปิดประตูเครื่องเพื่อบินขึ้น จวบถึงสิ้นสุดการบินและเปิดประตูเครื่องแล้ว ขณะเดียวกันระหว่างการใช้บริการสายการบินภายในประเทศของจีนก็ห้ามการเปิดใช้โหมดการบินด้วย เนื่องจากปัจจุบันโทรศัพท์มือถือมีความหลากรุ่นหลายยี่ห้อ โหมดการบินที่ติดตั้งอาจมีความแตกต่างกัน ที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในการบินหรือไม่ ดังนั้น จึงทำให้คนส่วนใหญ่ยอมรับกับกฎข้อห้ามดังกล่าว และเห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府
