เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์เริ่มซ้อมรบร่วมที่ฐานทหารทางภาคเหนือของฟิลิปปินส์ในหัวข้อ "14 phiblex 14" โดยโครงการดังกล่าวจะใช้เวลา 3 สัปดาห์ สิ้นสุดลงในวันที่ 11 ตุลาคมนี้
การซ้อมรบครั้งนี้จะฝึกซ้อมการรักษาความมั่นคงทางทะเล การป้องกัน
ดินแดน และการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ฝ่ายทหารฟิลิปปินส์ระบุว่า การซ้อมรบร่วมมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการสู้รบร่วมกันของกองทัพสองประเทศ รับมือกับภัยธรรมชาติ และเหตุการณ์ฉุกเฉินในภูมิภาค ด้วย
เนื่องจากการซ้อมรบครั้งนี้จัดขึ้นในวาระที่สหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์กำลังหารือเรื่องการเพิ่มจำนวนทหารสหรัฐฯ ประจำฟิลิปปินส์ และติดตั้งยุทโธปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง หลังจากนี้ อีก 3 สัปดาห์ให้หลัง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็จะเดินทางไปเยือนฟิลิปปินส์ จึงทำให้การซ้อมรบครั้งนี้จึงเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง เพราะแสดงว่าความร่วมมือด้านทหารระหว่างสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์มีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
ตั้งแต่ทหารสหรัฐฯ ได้กลับเข้าประจำการในฟิลิปปินส์อีกครั้งภายใต้ข้ออ้างการปราบปรามการก่อการร้ายตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา ฟิลิปปินส์ได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ ทุกปี ปีนี้เงินอุดหนุนที่ฟิลิปปินส์ได้จากสหรัฐฯ เพิ่มสูงเป็น 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ศักยภาพทางหทารของฟิลิปปินส์กลับไม่ได้ยกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยุทโธปกรณ์ที่สหรัฐฯ ให้กับฟิลิปปินส์นั้นส่วนใหญ่เป็นยุทโธปกรณ์ล้าสมัย สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ สหรัฐฯ ไม่ได้หวังให้ฟิลิปปินส์เพิ่มความสามารถด้านการป้องกันประเทศอย่างจริงจัง ในทางตรงกันข้าม พิจารณาจากศักยภาพทางทหารของสองประเทศยังมีความต่างกันมาก อีกทั้งฟิลิปปินส์มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เกี่ยวกับปัญหาหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ ความร่วมมือทางทหารระหว่างสองประเทศจึงเป็นการควบคุมฟิลิปปินส์ของสหรัฐฯ มากกว่า สื่อมวลชนในฟิลิปปินส์บางสื่อจึงเห็นว่า ฟิลิปปินส์อาจตกเป็นเมืองขึ้นของสหรัฐฯ อีกครั้ง
(nune/cici)