ในช่วงหลายปีมานี้ประโยคที่ชาวจีนนิยมส่งต่อกันในกลุ่มเพื่อนกล่าวว่า "ผู้ฉลาดจะลงทุนในเรื่องของสุขภาพ ผู้รู้จะรักษา ส่วนคนธรรมดาจะละเลย และคนเขลาจะเรียกร้องมากไป"

ชาวซีอาร์ไอกว่า 200 คนที่จุดสตาร์ทในกิจกรรมไต่เขาประจำปี 2013

ณ วนอุทยานแห่งชาติเป่ยกง กรุงปักกิ่ง

เมื่อเร็วๆ นี้ผลสำรวจถึงความสุขของประชากรจีน ประจำปี 2013 ปรากฏว่า 10 ปัจจัยแรกที่ทำให้ชาวจีนรู้สึกว่ามีความสุขที่สุด อันดับหนึ่งคือ "สุขภาพแข็งแรง" สามารถเอาชนะเรื่อง "รายได้" ที่ครองแชมป์เมื่อปีก่อน โดยปีนี้ตกไปอยู่อันดับสาม ส่วนอันดับสอง คือ "ความสัมพันธ์ในครอบครัว" อันดับสี่-ชีวิตแต่งงาน อันดับห้า-หน้าที่การงาน อันดับหก-ประกันสังคม อันดับเจ็ด-การคบหาสมาคมในสังคม อันดับแปด-ความสามารถส่วนบุคคล อันดับเก้า-สภาพแวดล้อม อันดับสิบ-การมีบ้านอยู่อาศัย

ในการจัดอันดับแต่ละปี ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ มักจะวนเวียนสลับตำแหน่งขึ้นลงไปมามากบ้างน้อยบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือ เรื่องสุขภาพยังคงอยู่อันดับต้นๆ ชวนให้รู้สึกยินดีที่คนในสังคมปัจจุบันต่างหันมาใส่ใจกับเรื่องของสุขภาพร่างกายกันมากขึ้น และเมื่อลองย้อนดูตนเองก็ชวนให้รู้สึกว่ายังคงเป็นคนธรรมดาที่ออกจะเขลาไม่น้อย เพราะนอกจากละเลยในเรื่องการออกกำลังแล้ว ยังหลงคิดว่าตนยังคงโอเคดีอีกด้วย

ตัวแทนศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่เข้าร่วมแข่งไต่เขาสานสัมพันธ์ของบริษัท ประจำปี 2013

แต่จากการร่วมกิจกรรมแข่งขันกีฬาภายในบริษัทของพนักงานซีอาร์ไอ ที่มีทั้งการแข่งปิงปอง แบตมินตัน และล่าสุดแข่งไต่เขาที่วนอุทยานแห่งชาติเป่ยกง (Beigong National Forest Park) เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการแข่งขันเป็นทีม ทีมละสิบคน ในจำนวนสิบคนนี้ มีคนที่อายุทั้งมากและน้อยกว่า ผอมและอ้วนกว่า แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ที่อายุมากหรือน้ำหนักตัวมากกว่า กลับเดินขึ้นเขาได้เร็วและไปได้ไกลกว่ามาก...ก ดีว่าแข่งเป็นทีมจึงทำให้สามารถขึ้นถึงเป้าหมายได้สำเร็จด้วยการอาศัยหัวหน้าหวังและเพื่อนร่วมทีมภาคภาษาพม่าหิ้วปีกคนละข้างพาขึ้นไป (-. -") คิดแล้วก็น่าขำชวนอายกันไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งทำให้รู้สึกว่าต้องพยายามเป็นคนฉลาดที่รู้จักลงทุนกับเรื่องสุขภาพอย่างคนจีนสมัยนี้ดูบ้างแล้ว!

ทั้งนี้ สัดส่วนของชาวจีนผู้ร่วมทำสำรวจในปีนี้ระบุว่ารู้สึกดีมีความสุขมีเพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ ด้วย โดยร้อยละ 70.8 ระบุว่าชีวิตในปัจจุบันมีความสุขดี สูงกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ร้อยละ 60.6 และปี 2011 ที่ร้อยละ 60.2 นอกจากนี้ ร้อยละ 71.7 เชื่อว่าอนาคตจะสดใสมีความสุขยิ่งขึ้นอีกด้วย แต่สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าไม่มีความสุขนั้นมีสาเหตุสำคัญ คือ ขาดความรู้สึกปลอดภัย รองลงไปคือไม่รู้จักพอ, ชอบเปรียบเทียบต้องการเหนือคนอื่น, ขาดความไว้วางใจ, วิตกกังวลเกินไป, ขาดเป้าหมายหรืออุดมการณ์ในชีวิต, ไร้ความศรัทธา, ไม่เข้าใจในรัก ไม่รู้จักการแบ่งปัน เป็นต้น

เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府

(ขวา) พี่ลู่กับน้องชุย สองหนุ่มจีนตัวแทนภาคภาษาไทยที่เดินฉิวตัวปลิว

ในการแข่งไต่เขาที่วนอุทยานเป่ยกง