มองเมืองจีนในสายตานักข่าวกีฬาไทย
ตอนนี้ยังวนเวียนอยู่กับวัดนะครับ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ที่ผ่านมาเป็นวันพระใหญ่ วันวิสาขบูชา ผู้เขียนก็เปรยมาว่า อยากที่จะไปไหว้พระ เจ้าหน้าที่ของสถานีวิทยุแห่งชาติจีน ก็ดีใจหาย จัดให้ไปที่วัด หลินกวงซื่อ ได้ยินชื่อวัดใช่แล้ว อยากไปมานานแล้ว เพราะที่วัดนี้เป็นวัดที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ ในส่วนที่เป็นพระทันตธาตุ หรือที่เราเรียกว่า พระเขี้ยวแก้ว ถูกใจไปเลย และก็ไม่ใช่เรื่องยากนั่งรถเมล์สาย ๙๕๘ ถึงหน้าวัด แต่ก่อนที่จะเข้าก็ตามธรรมเนียมครับ ๑๐ หยวน เป็นค่าบำรุงศาสนสถาน
เพียงแค่ก้าวแรก ที่ก่อนจะถึงตัววัดก็ต้องสักการะเทพศักดิ์สิทธิ์ ที่คนจีนเราถือว่า เป็นเทพแห่งความสำเร็จ เทพแห่งความ มั่งคั่ง เทพซิงไฉ่เอี้ย ในใจนึกทำไม ช่างโชคดีอะไร อย่างนี้ ปีที่ผ่านมา ก็ได้ไปกราบสักการะ พระมหาธาตุเจดีย์ ชะเวดากองที่ ย่างกุ้ง ปีนี้ก็มาไหว้ ชิงไฉ่เอี้ย และ สักการะพระบรมสารีริกธาตุ ถึง กรุงปักกิ่ง หมอดูหลายสำนัก ทักไว้ว่าปีนี้ปีชง ต้องไปไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และสถานที่สำคัญเป็นพุทธบูชานะ ปรากฏว่า ครบครับ ทำได้แล้ว ทำได้แบบ ไม่ได้ตั้งเป้า แบบที่เรียกว่า เข้ามาเองครับ
แค่คิดว่าจะไปกราบพระ เพียงวิหารหน้าก็พบ พระพุทธรูปศิลปสมัยสุโขทัย องค์ใหญ่ คล้ายกับจำลองแบบมาจาก หลวงพ่อ พระสุโขทัยไตรมิตร เลยต้องมาหาประวัติครับ ปรากฏว่า พระพุทธรูปองค์นี้ เป็นพระของไทย ที่นำมาประดิษฐานเป็นประธานในวิหารหน้าที่วัด หลินกวง มาแต่สมัย มรว เกษมสโมสร เกษมศรี เป็นเอกอัครราชทุตไทยประจำ กรุงปักกิ่ง ถ้าจะนับเวลาก็ร่วมยี่สิบปีแล้วครับ ซึ่งเป็นเครื่องบ่งบอกความสัมพันธ์ที่ดี ทางพระพุทธศาสนา ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นอย่างดี นอกจากนั้นแล้ว วัดหลินกวงแห่งนี้ ยังได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง กับ วัดอรุณราชวราราม ของไทย ในการเป็นวัดพี่วัดน้อง เหมือนประมาณนั้นครับ อิ่มเอิบแล้วเดินเข้าไปภายในวัด พบเจดีย์แปดเหลี่ยมสูงใหญ่ ที่ภายใน ประดิษฐาน พระทันตธาตุขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยิ่งชลังไปใหญ่ แม้ว่าวันที่ไป อากาศจะร้อน แต่ก็ไม่เห็นมีใคร บ่นให้ได้ยิน เพราะทุกคน มุ่งมั่นกับการสร้างสมบุญ
และด้วยว่าเป็นวันพระใหญ่ วันวิสาขบูชา ทำให้มี ประชาชนซึ่งส่วยใหญ่เป็นชาวจีน เดินทางมานมัสการเป็นจำนวนมาก ถึงกับต้องต่อคิวกันอย่างเนืองแน่น โดยมีเจ้าหน้าที่ของวัดเป็นผู้คอยจัดระเบียบ แต่บอกก่อนนะครับว่า ทุกคนไม่มีโอกาสได้เห็น พระบรมสารีริกธาคุ ในส่วนชองพระทันตธาตุ เพราะเก็บรักษาไว้ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ซึ่งในรอบหลายๆปี จะมีการอัญเชิญออกมาให้สักการะกันครั้งหนึ่ง แต่คนไทยเราโชคดีครับ ที่เมื่อปี พศ ๒๕๔๕ ทางการจีน ได้เคยอัญเชิญ พระทันตธาตุ องค์นี้มาให้พุทธศาสนิกชนชาวไทย ได้กราบสักการะ เป็นเวลาหลายเดือนที่ พุทธมณฑล
ซึ่งในตำนานที่เล่ากันมากล่าวว่า พระทันตธาตุของพระพุทธองค์ที่ประดิษฐานอยู่บนโลกมนุษย์มีอยู่แค่ สององค์เท่านั้น องค์หนึ่งก็ที่วัด หลินกวงแห่งนี้แหละครับ อีกองค์หนึ่งก็อยู่ที่ เมือง แคนดี้ ประเทศ ศรีลังกา
แม้ว่าจะมีเวลาเพียงเล็กน้อย แต่ความอิ่มเอิบ สบายใจในการที่ได้มีโอกาสมากราบสักการะ พระบรมสารีริกธาตุและเดินชมความงามของวัด หลินกวง ในช่วงฤดูร้อน กรุงปักกิ่ง ก็คุ้มแล้วครับ ในเวลาสั้นๆแค่ สอง สาม ชั่วโมง มาปักกิ่ง อย่าลืม มาไหว้พระกันนะครับ
สมภพ จันทร์ฟัก