สำนักข่าวรอยเตอร์ของอังกฤษรายงานข่าวว่า รัฐบาลจีนกำลังใช้นโยบายควบคุมไม่ให้เงินทุนจำนวนมหาศาลไหลออกประเทศ ทำให้บางพื้นที่ของโลกรู้สึกขาดแคลนเงินทุน แต่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ยังได้รับการลงทุนจากจีนเหมือนเดิม ซึ่งเงินทุนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะลงทุนในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการเส้นทางสายไหมใหม่หรือ " 1 แถบ 1 เส้นทาง" ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวจีนทยอยกันเดินทางไปสู่ชายหาด วัดวาอารามและชอปปิ้งเซ็นเตอร์ต่าๆ ของประเทศอาเซียน ผลักดันการค้าของภูมิภาคนี้เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ครึ่งแรกปี 2017 อินโดนีเซียและมาเลเซียมีการส่งมายังจีนเพิ่มขึ้น 40% ไทยและสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 30% ฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น 20% นักลงทุนจีนพากันเอาเงินมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อสังหาริมทรัพย์ ซื้อข้าว ยางพารา ถ่านหินและน้ำมันปาล์ม นอกจกนั้น ยังได้จัดซื้อชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากไทย มาเลเซียและสิงคโปร์ อีกด้านหนึ่ง ประเทศอาเซียนก็ได้จัดซื้อสินค้าชนิดต่างๆ ตั้งแต่เสื้อยืดราคาถูก จนถึงอุปกรณ์โทรคมนาคมระดับสูง เป็นต้น

ปัจจุบันมีสถิติมากมายที่แสดงให้เห็นว่า ความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีนกับประเทศอาเซียนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ปี 2017 กลุ่มบริษัทเจียวทงเจี้ยนสื้อจำกัดของจีนได้ลงทุน 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในโครงการก่อสร้างทางรถไฟชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซียขั้นแรก ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการลงทุนสำคัญในต่างประเทศของจีน

ส่วนการลงทุนอื่นๆ จำนวนหนึ่งก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อริเริ่ม " 1 แถบ 1 เส้นทาง" ของจีน รวมถึงโครงการผลิตพลังงานในลาว กัมพูชาและฟิลิปปินส์ นอกจากนั้น จีนยังลงทุนก่อสร้างโครงการทางรถไฟขนาดใหญ่ รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของเขตนี้ด้วย

ในส่วนของประเทศไทย ระหว่างการประชุมกลุ่มบริคส์ครั้งที่ 9 ที่จัดขึ้นที่เมืองเสี้ยเหมิน เมืองชายฝั่งภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทยได้พบกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน สองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 2 ฉบับ รวมถึงการออกแบบวิศวกรรมและการจ้างทีมเทคนิค ที่มีมูลค่ารวม 1,000 ล้านหยวน ราว 5,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นโครงการร่วมมือก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนกับไทย

(In/Lin)