(ตากุ้ง เขากวาง ปากวัว จมูกสุนัข หนวดปลาดุก แผงคอสิงโต หางงู เกล็ดปลา กรงเล็บเหยี่ยว
หนึ่งในนิยามจำกัดความ "เก้าเหมือนเก้าไม่เหมือน" ของมังกร )
มังกร สัตว์เทพในตำนานจีนที่มีการเล่าขานสืบต่อกันมาว่า รูปร่างลักษณะของมังกรนั้นเป็นแบบ "เก้าเหมือนเก้าไม่เหมือน" คือ มีองค์ประกอบเหมือนสัตว์เก้าชนิด แต่พอรวมลักษณะทั้งเก้าเข้าด้วยกันแล้วไ ม่เหมือนสัตว์ทั้งเก้าเหล่านั้นเลย ซึ่ง "เก้าเหมือน" นั้น
ใน ตำราอรรถาธิบายสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ "เอ๋อร์หย่าอี้尔雅翼 " หนังสืออ่านประกอบที่ให้คำอธิบายหรือจำกัดความถึงรูปร่างลักษณะพืชพรรณสัตว์ต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในหนังสือ "เอ๋อร์หย่า尔雅" โดยเอ๋อร์หย่าอี้นี้ได้กล่าวถึงลักษณะของมังกรไว้ว่ามีลักษณะเก้าเหมือนดังนี้ คือ มีศีรษะดั่งวัว เขาดั่งกวาง ตาดั่งกุ้ง หูดั่งช้าง ลำคอและช่วงท้องดั่งงู เกล็ดดั่งปลา กรงเล็บดั่งหงส์ อุ้งเท้าดั่งเสือ บนหลังมี 81 เกล็ด เสียงคำรามก้องกังวานดั่งเคาะตีภาชนะทองแดง ข้างปากมีหนวดเครา ใต้คางมีไข่มุก ใต้ลำคอมีเกล็ดย้อน บนหัวมีฉื่อมู่ 尺木 (ไม่มีไม่สามารถเหินขึ้นฟ้าได้) พ่นลมออกมาเป็นเมฆ สามารถเปลี่ยนเป็นน้ำหรือไฟได้
บ้างก็ว่าเก้าเหมือนนั้นประกอบด้วย ปากเหมือนม้า ตาเหมือนปู เคราเหมือนแพะ เขาเหมือนกวาง หูเหมือนวัว มีแผงคอแบบสิงโต ส่วนเกล็ดดั่งปลาหลีฮื้อ ลำตัวเช่นงู และกรงเล็บดั่งเหยี่ยว บ้างว่าศีรษะดั่งอูฐ ตาวาวดั่งปีศาจ ซึ่งที่ไต้หวันมีคำนิยามการวาดภาพมังกรที่เป็นทีรู้จักคุ้นหูติดปากไว้ว่า หนึ่งวาดเขากวางสองตากุ้ง สามเติมจมูกสุนัขสี่ปากวัว ห้าใส่แผงคอสิงโตหกเกล็ดปลาหลีฮื้อ เจ็ดลากเส้นลำตัวงูแปดเปลวไฟ เก้าปิดท้ายด้วยเท้าไก่ รูปมังกรเป็นอันสำเร็จเสร็จสิ้นลง
ซึ่งมีตำนานเรื่องเล่าสนุกๆ ถึงเท้าไก่ที่กลายมาเป็นขามังกรคู่งามนี้ว่า เดิมทีมังกรนั้นแม้จะมีความแข็งแกร่ง และสามารถเหาะเหินขึ้นฟ้า แหวกว่ายอยู่ในน้ำได้ แต่กลับไม่มีขาและใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดิน ด้วยเหตุฉะนี้จึงนึกอยากจะตั้งตนเป็นจ้าวแห่งสัตว์แทนที่ของเสือ ทั้งสองจึงเปิดศึกต่อสู้ปะทะกันรุนแรงใหญ่โต สร้างความอลหม่านให้กับพื้นพิภพอย่างใหญ่หลวง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งคู่จึงไม่สามารถหาผลแพ้ชนะเด็ดขาดได้ จนเรื่องร้อนถึงองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ มีพระดำรัสให้นำตัวทั้งสองเข้าเฝ้า
มังกรเมื่อรู้ข่าวก็เกิดวิตกว่า ตนนั้นแม้จะดูสูงสง่า แต่ก็ยังขาดความน่าเกรงขามอย่างเสือ หากไปเข้าเฝ้าเง็กเซียนทั้งรูปลักษณ์ไร้ขาเยี่ยงนี้ อาจพาลให้อดได้ตำแหน่งเจ้าแห่งสรรพสัตว์ และอาจรวมถึงหนึ่งในตัวแทน 12 ปีนักษัตรด้วยก็เป็นได้ ตะขาบ หนึ่งในลูกน้องมังกร รู้เรื่องเข้าก็เสนอความคิดขึ้นว่า พ่อไก่มีขาและกรงเล็บที่สวยอยู่คู่หนึ่ง ไปลองขอยืมมาใส่น่าจะเพิ่มสง่าราศีให้ลูกพี่มังกรได้ไม่น้อย มังกรได้ยินก็เห็นดีเห็นงาม รีบออกเดินทางไปหาพ่อไก่พร้อมกับตะขาบ
พ่อไก่พอรู้ซึ้งถึงความประสงค์ของมังกรว่า อยากจะขอยืมขาคู่งามแสนรักของตนไปก็รีบปฏิเสธเป็นพัลวัน บอกจะหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ให้ยืม มังกรได้ยินก็ร้อนใจกระวนกระวาย เพราะอยากได้ใจจะขาดแถมกลัวจะเสียเรื่องไม่ทันการ ในที่สุดถึงกับเอ่ยปากกล่าวสาบานต่อฟ้าดินว่า หากตนไม่คืนเท้าให้กับพ่อไก่ จะกลับมาเหยียบพื้นดินเป็นต้องดิ้นตายในบัดดล ตะขาบก็รีบกล่าวเสริมเพิ่มน้ำหนักให้อีกหนึ่งเสียงว่า หากพี่มังกรไม่คืนเท้าให้ พ่อไก่เห็นเราก็กินเราซะให้รู้แล้วรู้รอดเลย ในทีสุดพ่อไก่ก็ใจอ่อนยอมมอบขาให้มังกรยืมไปใส่
มังกรและเสือพอไปเข้าเฝ้า เง็กเซียนทอดพระเนตรเห็นสัตว์ทั้งสองดูองอาจมีสง่าราศีไม่แพ้กัน จึงประทานราชโองการแต่งตั้งให้ทั้งสองเป็นราชาแห่งสัตว์ โดยให้เสือเป็นจ้าวปกครองบนภาคพื้นดิน มังกรถือครองดูแลภาคผืนน้ำมหาสมุทร และเมื่อเสือได้เป็นหนึ่งในตัวแทนแห่ง 12 ปีนักษัตร ก็สมควรให้เกียรตินี้แก่มังกรด้วยเช่นกัน โดยให้อยู่ต่อท้ายในลำดับหลังถัดไปสักหน่อย
เมื่อเรื่องสรุปความออกมาเป็นดังนี้ ต่างสร้างความพึงพอใจให้แก่เสือและมังกรอย่างยิ่ง รีบกล่าวคารวะและทูลลาเง็กเซียนกลับสู่พื้นพิภพ แต่ระหว่างทางมังกรเกิดนึกสะดุดใจว่า หากตนคืนเท้าคู่งามนี้ให้กับพ่อไก่ไปแล้ว เหล่าสัตว์น้ำในอารักษ์ปกครองของตนอาจหมดความเคารพยำเกรงก็เป็นได้ จึงตัดสินใจม้วนพุ่งตัวกลืนหายลงสู่ท้องมหาสมุทร ใช้ชีวิตอยู่ในวังบาดาลโดยไม่กลับขึ้นมาบนพื้นดินอีก
พ่อไก่เมื่อต้องสูญเสียขาคู่งามไปก็นึกแค้นใจเป็นที่สุด โกรธหน้าแดงออกมุ่งหน้าไปหาตะขาบ ตะขาบรู้ความเข้าก็ตกใจกลัวถึงขีดสุด รีบมุดตัวแอบเข้าใต้ก้อนหิน และนับแต่นั้นจึงเป็นที่มาให้พ่อไก่มีใบหน้าดวงตาแดงก่ำไล่จิกกินตะขาบ และตะขาบก็ยากนักที่จะโผล่ตัวขึ้นมาให้พบเห็นได้ง่ายบนพื้นดิน และเป็นที่มาให้พ่อไก่ต้องออกมายืนโก่งคอขันทุกเช้า ตะโกนร้องขอให้มังกรคืนขาคู่งามของตนมา
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府