จี้หยกประดับ กระเป๋าปัก ถุงหอม เป็นของขวัญที่หนุ่มสาวจีนนิยมมอบแสดงความรักต่อกันในสมัยโบราณ
เป็นที่ทราบกันว่า สังคมจีนสมัยโบราณนั้นไม่เปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวได้ทำความรู้จักพูดคุยกันอย่างเสรี หากทางบ้านไม่อนุญาตสนับสนุนแล้วโอกาสที่ฝ่ายหญิงจะได้ออกไปพบปะพูดคุยกับชายหนุ่มที่ตนพึงใจได้นั้นเป็นไม่มี แต่เมื่อหัวใจเรียกร้องหัวสมองมี ก็ต้องเค้นเฟ้นหาช่องทางติดต่อระบายความในใจออกไปจนได้ และวิธีที่ใช้กันมากสุดคือ การส่งจดหมายรัก โดยส่วนใหญ่แล้วก็ต้องอาศัยผู้ช่วยคนสำคัญอย่างแม่สื่อเป็นคนกลางช่วยนำส่งสารรักนี้ให้ ซึ่งความรักของหญิงจีนในอดีตใช่ว่าจะแสดงออกแต่แบบแอบซ่อนขวยอายเป็นอย่างเดียว ยังมีแบบกล้าเผยความนัยมีใจรักรุนแรงปรากฏให้เห็นด้วย
อาทิ จากกลอนเย่ว์ฝู่ซือ บท "ซ่างเสีย (上邪)" ยุคสมัยฮั่นได้มีเอ่ยถึงหญิงนางหนึ่งว่า มีความรักมั่นมาก มากขนาดที่ว่าเธอถึงกับกล่าวสาบานให้ฟ้าดินเป็นพยานต่อความรักของตนว่า หากโลกนี้เกิดอาเพศวิกฤตผิดธรรมชาติขึ้น บรรดาภูเขาแม่น้ำต่างสูญหายมลายสิ้น หรือฤดูกาลต่างเกิดปรวนแปร หน้าหนาวมีฟ้าร้องฟ้าผ่า หน้าร้อนมีฝนตกหิมะปลิว หรือเมื่อฟ้าถล่มดินทลายรวมกลายเป็นสภาพไร้ฟ้าดินเหมือนแรกอุบัติโลกนี้ขึ้น เข้าทำนองวันสิ้นโลกมาถึงแล้วนั่นแล จึงจะทำให้ความรักของเธอหมดสิ้นผันเปลี่ยนแปรไปจากชายคนรักได้ ส่วนฝ่ายชายที่ยึดมั่นสัญญาแห่งรักก็มีตัวอย่างเอ่ยถึงอย่างในตำราบันทึกประวัติศาสตร์ "สื่อจี้ (史记) บทซูฉินจ้วน (苏秦传)" หรือในตำราของ "จวงจื๊อ (庄子) บทเต้าจื๋อ (盗跖)" ได้กล่าวถึง "เหว่ยเซิง (尾生)" หนุ่มผู้มีใจรักมั่นและรักษาสัจจะยิ่งชีพ
"เหว่ยเซิงผู้กอดเสา" ตำนานรักตัวอย่าง "เสียชีพอย่าเสียสัตย์"
โดยเรื่องราวความรักของเขาได้เล่าขานสืบต่อกันมาว่า ในยุคสมัยชุนฉิวมีชายหนุ่มผู้หนึ่งนามว่า "เหว่ยเซิง" เป็นชาวแคว้นหลู่ เมืองชีว์ฟู่ ต่อมาได้ย้ายถิ่นฐานไปยังถิ่นอื่นแล้วเกิดไปปิ๊งรักปักใจมั่นกับสาวงามนางหนึ่ง ทั้งสองตกหลุมรักกันและกันตั้งแต่ครั้งแรกพบ แต่ความรักของทั้งคู่ต้องเผชิญกับอุปสรรค เพราะความที่ฝ่ายชายมีฐานะยากจน พ่อแม่ฝ่ายหญิงจึงคัดค้านและปฏิเสธไม่ยอมยกลูกสาวให้ ท้ายที่สุดหนุ่มสาวทั้งสองตัดสินใจที่จะแอบหนีตามกันไป โดยนัดหมายกันเป็นมั่นเหมาะว่าจะมารอเจอกันที่สะพาน ไม่เจอจะไม่จรจากไปเด็ดขาด
พอถึงเย็นวันนัด เหว่ยเซิงก็รีบมายังสะพานรอหญิงคนรัก แต่เหมือนสวรรค์แกล้งทดสอบความจริงใจของเขา จึงบันดาลให้เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเริ่มเอ่อสูงขึ้นเรื่อยๆ จนขึ้นมาถึงตัวสะพานและไม่นานก็ท่วมสูงระดับเข่า แต่เหว่ยเซิงด้วยความตั้งมั่นรักษาคำพูด บอกแล้วว่าจะรอจนเจอ ก็ไม่ยอมขยับจากไปไหน เมื่อน้ำป่ายิ่งไหลหลากทับโถมโหมกระหน่ำหนัก เพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดลอยตามน้ำไปเขาเลือกที่จะยึดกอดเสาสะพานไว้แน่นไม่ยอมปล่อย จนกระทั่งน้ำได้ท่วมมิดร่างเขาในที่สุด
เมื่อพายุฝนฟ้าคะนองได้ผ่านพ้นไป หญิงคนรักของเหว่ยเซิงภายหลังปลีกหนีออกมาจากบ้านได้สำเร็จ ก็รีบมุ่งหน้ามายังสะพานที่นัดหมาย พอมาถึงระดับน้ำที่ท่วมสูงได้เริ่มลดลงแล้ว เผยให้เห็นร่างไร้วิญญาณของชายคนรักในสภาพกอดเสารอจนต้องจบชีวิตลง หญิงสาวเกิดความโศกเศร้าเสียใจประดังเข้ามามากเกินกว่าจะระงับไว้ เธอจึงตัดสินใจกระโดดน้ำจบชีวิตตนตาม กลายเป็นที่มาแห่งโศกนาฏกรรมความรัก "คำมั่นสัญญา" ฉบับจีนที่เล่าขานและเป็นที่มาของคำพูดติดปากที่ว่า "รักษาคำมั่นดุจดั่งเหว่ยเซิง"
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府