จีนปริทรรศน์: จีนบุกโลกกีฬา
  2012-04-11 16:28:39  cri

เชื่อได้ว่าแฟนเทนนิสที่นั่งเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์ดูการแข่งขันทั้งเอทีพีของฝ่ายชาย และดับเบิ้ลยูทีเอของฝ่ายหญิง และเกมส์แกรนด์แสลมหลักตลอดทั้งปี ซึ่งนักเทนนิสมืออาชีพในปัจจุบันหวดกันได้มันสะใจแบบทะลุหน้าจอ คงไม่ได้ดูแต่กีฬาเพียงเท่านั้น

เพราะในระหว่างถ่ายทอดการแข่งขันนั้น กล้องจะจับภาพของเสื้อผ้านักกีฬา ไม้เทนนิส รองเท้า ถุงเท้าตลอด ไม่รวมแบรนด์ดังที่เป็นสปอนเซอร์หลักของการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ยี่ห้อเกีย ไวน์ยี่ห้อจาคอบ ครีก หรือชุดของเด็กเก็บลูกและกรรมการที่แบรนด์ลาคอตสนับสนุนมาทุกปี ซึ่งเห็นได้จากทุกมุมกล้อง ทั้งใกล้และไกล บางครั้งก็ซูมกล้องโคสอัพไปที่ยี่ห้อของสินค้าอย่างจงใจ เพราะเป็นเรื่องที่ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วระหว่างผู้จัดการแข่งขันและผู้สนับสนุนรายการในมูลค่าสูง และยิ่งเป็นรายการแข่งขันหลักอย่างแกรนด์สแลมที่ถ่ายทอดไปยังทุกประเทศทั่วโลก จึงคุ้มค่าโฆษณาอย่างยิ่ง

เนื่องด้วยไม่มีนักเทนนิสไทยทะลุเข้ามาให้เชียร์ทั้งชายและหญิง ตั้งแต่หมดยุคภราดร ศรีชาพันธุ์ และแทมมี่ก็แผ่วลงไป ผมจึงหันมาเชียร์นักกีฬาจีน ด้วยเพราะอย่างน้อยก็เป็นนักกีฬาเอเชียเหมือนกัน ที่สามารถเข้าไปเบียดบี้กับจ้าวสนามชาวยุโรปได้อย่างสูสี โดยเฉพาะนักกีฬาเทนนิสหญิงของจีน ไม่ว่าจะเป็น "หลี่น่า" ซึ่งคว้ามาได้ทั้งรองแชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น และชนะเลิศเฟรนซ์ โอเพ่น สร้างตวามตะลึงให้กับคนทั้งโลกมาแล้วเมื่อปีกลาย หรือ "เจิ้งเจี๋ย" นักหวดสาวร่างเล็ก แต่ตีลูกท้ายคอร์ทได้หนักหน่วงไม่แพ้สาวๆ มือต้นๆ ของโลก จนสามารถผ่านเข้าสู่รอบลึกๆ ได้ตลอด และล่าสุดที่กำลังมาแรงคือสายน้อยดาวรุ่งจากเทียนจินที่ชื่อ "เผิงชุ่ย" ที่มีเอกลักษณ์การตีด้วยสองมือทั้งโฟรแฮนด์และแบ็กแฮนด์

การที่สามสาวนี้กอดคอกันขึ้นมายืนอยู่ในอันดับมือวางสูงๆ ของดับเบิ้ลยูทีเอ หรือสมาคมนักเทนนิสหญิงอาชีพ ไม่มีเพียงได้รับการผลักดันจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ แต่ยังได้รับการสนันสนุนจากภาคเอกชนด้วย เพราะพวกเธอได้กลายเป็นดาราที่แฟนๆ อยากเอาเยี่ยงอย่าง รวมไปถึงอยากใส่เสื้อผ้า รองเท้า และใช้ไม้เทนนิสแบบเธอบ้าง จึงมีอิทธิพลยิ่งกว่าเหล่าซุปเปอร์โมเดลบนแค็ตวอร์กหลายร้อยเท่า ดังนั้นแบรนด์เครื่องกีฬาของชาติจีนอย่าง "หลี่หนิง" จึงทุ่มตัวเป็นสปอนเซอร์อย่างเต็มที่ ทำการออกแบบชุดให้เข้ากับบุคลิกของพวกเธอโดยเฉพาะ และเปลี่ยนคอลเล็กชั่นไปตามฤดูกาลเช่นเดียวกับสินค้าแฟชั่นทั่วไป จะยกเว้นก็เพียง "หลี่น่า" ซึ่งเธอปลีกตัวออกไปใช้ไนกี้เป็นสปอนเซอร์เพียงคนเดียว

ดังนั้นในสนามยามที่พวกเธอแข่งขัน นอกจากเป็นเกมหวดลูกสักหลาดแล้ว ยังเป็นเกมการตลาดที่พวกเธอนำเอาหลี่หนิงแบรนด์จีนพันธุ์แท้ไปต่อสู้กับแบรนด์ระดับโลกอย่างอาดิดาสและไนกี้ด้วย

การที่พวกเธอสวมชุดแบรนด์จีนย่อมเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าเป็นคนจีน แต่ในออสเตรเลี่ยนโอเพ่น และรายการแกรนด์สแลมอื่นๆ สังเกตเห็นว่า "หลี่หนิง" ไม่ได้หยุดอยู่แค่เป็นสปอนเซอร์ในกับนักกีฬาจีนเท่านั้น เพราะมาร์ติน คลิลิก นักหวดความหวังใหม่ของชาวโครเอเชียก็ใช้ผลิตภัณฑ์ของหลี่หนิง่นกัน

หากมองเผินจะนึกว่าผู้เล่นทั้งสองใส่เสื้อแบรนด์เดียวกัน เพราะว่าเป็นสีแดงอมส้มคล้ายกัน แผกที่ของคลิลิกนั้นออกจะจางกว่าหน่อย จนเมื่อกล้องซูมเข้าไปที่รองเท้าและเสื้อนั่นแหละถึงได้รู้ว่าคลิลิกใส่ชุดนักกีฬาของแบรนด์ "หลี่หนิง"

การที่มาร์ติน คลิลิก ซึ่งเป็นนักเทนนิสมือวางอันดับที่ 15 ของโลกในปัจจุบันและเคยขึ้นไปถึงอันดับ 9 เมื่อปี 2010 แล้วนั้น "หลี่หนิง" ย่อมต้องทุ่มเทเงินจำนวนพอสมควรทีเดียว และก็ได้ผลอย่างยิ่ง เพราะกล้องจับที่ชุดของเขาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้นักหวดหนุ่มชาวโครแอตผู้นี้มีแบรนด์อื่นสนับสนุนอยู่ก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าแบรนด์สายพันธุ์จีนนี้ไม่ได้หยุดเพียงแค่สนับสนุนนักกีฬาชาติของตัวเองเท่านั้น แต่มุ่งที่สร้างแบรนด์ให้เป็นระดับโลก

ตอนแรกที่เห็นคลิลิกใส่รองเท้าหลี่หนิงนั้น ยังคิดว่าน่าจะไปลองหามาลองใส่ดูบ้างสักคู่ เพราะเบื่อไนกี้กับอาดิดาสที่ครองตลาดมานานแล้ว ตามสไตล์คนชอบมวยรอง อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ "การยอมรับ" ในแบรนด์จีนที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เพราะรู้ว่ามาร์ติน คลิลิก เป็นมืออาชีพ การที่เขาเลือกใช้ชุดกีฬาจีน ก็ย่อมหมายความว่า "คุณภาพ" ย่อมทัดเทียมสองแบรนด์ดังเจ้าตลาดอย่างแน่นอน

1 2
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040