แต่สิ่งที่ยังคาใจก็มี นั่นก็คือ สีสันและดีไซน์ยังเบียดจ้าวสังเวียนอย่างไนกี้และอาดิดาสไม่สู้จะได้นัก

อย่างในออสเตรเลี่ยนโอเพ่นเมื่อปีที่ผ่านนั้น แบรนด์ทั้งสองต่างเปิดเทรนด์เสื้อผ้ากีฬาของปีนี้ด้วยโทนสีที่แตกต่างกัน อาดิดาสเน้นสีเขียวสดตัดขาวทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย โดยเน้นพื้นที่ของสีขาวมากกว่า ส่วนของไนกี้นั้นดูจากที่ราฟาเอล นาดาน ใส่แล้วรู้สึกว่าไนกี้จะเอาใจชาวออสซี่ผู้จัดออสเตรเลี่ยน โอเพ่นมากๆ เพราะเป็นเสื้อยืดคอวีที่เน้นสีแดงอมส้มเป็นพื้นไม่เน้นลวดลายอะไรมาก นอกจากโลโก้สีขาวสะอาด ใส่ง่าย สบายๆ สีเจ็บเหมาะกับบุคลิกสนุกและอากาศร้อนแบบออสเตรเลีย แต่สำหรับโรเจอร์ เฟดเดอเรอนั้นแม้จะมีไนกี้เป็นสปอนเซอร์เหมือนกัน แต่ก็แตกต่างจากนาดานอย่างมาก เพราะเน้นแนวสุภาพบนเสื้อโปโลพื้นที่ฟ้าอ่อนตามบุคลิกที่สุขุมของเขา

ส่วนหลี่หนิงนั้น โทนสียังออกจะตุ่นๆ ไปหน่อย เหมือนคนออกแบบยังลังเล อยู่ว่าจะเอาตลาดไหนกันแน่ เพราะถ้ามุ่งตลาดจีนสีแปร๊ดๆ แบบที่เจิ้งเจี๋ยและเผิงชุ่ยใส่นั้น ก็เหมาะอย่างยิ่ง เพราะสาวๆ จีนชอบสีแปร๋นๆ และมีดอกมีลวดลาย แต่สีและแบบที่มาร์ติน คลิลิกใส่นั้น รู้สึกว่ายังไม่ดึงดูดเท่าไร หากจะมุ่งเจาะตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะ

อย่างไรก็ตาม "หลี่หนิง" ก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะตลาดในประเทศ เพราะนักกีฬาจีนในโอลิมปิกและเอเชียนเกมส์ที่ผ่านมาก็ล้วนแต่เป็นตัวแทนของหลี่หนิง จนกลายเป็นแบรนด์ในดวงใจของวัยรุ่นจีนไปแล้ว และในออสเตรเลี่ยนโอเพ่นเมื่อปี 2011 ก็ทำให้เห็นความพยายามของแบรนด์จีนที่พยามยามที่จะสร้างการรับรู้ในเวทีโลก

นอกนี้ในปัจจุบัน ยังมีแบรนด์จีนอีกยี่ห้อหนึ่งซึ่งทำผลงานได้ดี และเป็นที่รู้จักไปไกลกว่า "หลี่หนิง" นั่นก็คือ "361 ํ" ซึ่งจะเห็นได้ว่ากำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักกีฑาของโลก และเป็นผู้สนับสนุนหลักในการแข่งขัน "เคอร์ลิง" ชิงแชมป์โลกด้วย ยิ่งน่าจะได้รับความนิยมในหมู่ประเทศที่เล่นกีฬาฤดูหนาวเป็นประจำ

ส่วนยี่ห้อ "อันถ่า(ANTA)" ก็กำลังฮิตติดลมในหมู่นักบาสเก็ตบอลอาชีพทั่วเมืองจีน เพราะมี "เป่ยจิง จิงยูว์" ใส่นำคว้าแชมป์ซีบีเอ หรือลีกบาสเก็ตบอลอาชีพของปีล่าสุดไปครอง

ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ถึงความสำเร็จในระดับประเทศของแบรนด์เครื่องกีฬาจีน ถือได้ว่าอยู่ในระดับยอดเยี่ยม แต่การทำแบรนด์ไปสู่ตลาดโลกและทำให้ติดอันดับโลกนั้น ถือได้ว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และน่าจะเป็นไปได้ดีในอนาคต เพราะอย่างน้อยก็มีแรงสนับสนุนภายในประเทศจากผู้บริโภคจำนวนมหาศาล อีกทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐในแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับใหม่ที่เน้นหนักในเรื่องของการสร้างนวัตกรรมและความเป็นแบรนด์เนมระดับโลก มากกว่าการเป็นเพียงโรงงานของโลกอย่างที่ประเทศจีนเคยถูกประทับตรามาตลอดหลายทศวรรษ

ในการแข่งขันกีฬาระดับโลกครั้งต่อไป หากท่านมีโอกาสจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ หากลองสังเกตดูให้ดีจะเห็นได้ว่าแบรนด์จีนเหล่านี้กำลังแทรกซึมเข้าไปอีกในหลายชนิดกีฬามากขึ้นทุกที

พัลลภ สามสี